การประเมินความสามารถห้องปฏิบัติการ การตรวจภาวะตั้งครรภ์ การตรวจน้ำตาลและโปรตีนในปัสสาวะของหน่วยบริการปฐมภูมิ เขตสุขภาพที่ 6

บทคัดย่อ

แผนทดสอบความชำนาญเป็นเครื่องมือสำคัญในการประกันคุณภาพ ห้องปฏิบัติการสามารถนำผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนาระบบคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การเปรียบเทียบผลระหว่างห้องปฏิบัติการ ยังทำให้สมาชิกมีความเชื่อมั่นในผลการทดสอบของตนเองอีกด้วย การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความใช้ได้ ของวัตถุทดสอบที่เตรียมเอง และศึกษาระดับความสามสามารถของห้องปฏิบัติการหน่วยบริการปฐมภูมิในเขตสุขภาพที่ 6 ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกแผนทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการหน่วยบริการปฐมภูมิ การตรวจภาวะตั้งครรภ์ การตรวจน้ำตาลและโปรตีนในปัสสาวะ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ และร้อยละ
ผลการศึกษาพบว่าวัตถุทดสอบสำหรับแผนทดสอบความชำนาญฯ การตรวจภาวะตั้งครรภ์ การตรวจน้ำตาลและโปรตีนในปัสสาวะที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 6 ชลบุรีเตรียมเองมีความเป็นเนื้อเดียวกัน และมีความคงตัวตลอดระยะเวลาที่ดำเนินแผนของรอบนั้น รวมทั้งมีความคงตัวระหว่างการขนส่ง แสดงว่าวัตถุทดสอบที่เตรียมเองสามารถใช้ทดแทนวัตถุทดสอบที่นำเข้าจากต่างประเทศได้ สำหรับการศึกษาระดับความสามารถของห้องปฏิบัติการหน่วยบริการปรมภูมิในเขตสุขภาพที่ 6 การดำเนินแผนฯ ระหว่าง พ.ศ. 2562-2566 มีสมาชิกเข้าร่วม 1,658 แห่ง มีสมาชิกตอบผล 1,526 แห่ง (ร้อยละ 92.04) เมื่อน้ำผลการทดสอบขอบของสมาชิกมาประเมินเปรียบเทียบกับค่าเป้าหมายพบว่า ผลการประเมินการตรวจภาวะตั้งครรภ์เฉลี่ยของสมาชิกอยู่ในระดับตีร้อยละ 94.87 ระดับพอใช้ร้อยละ 3.29 และระดับที่ต้องปรับปรุงร้อยละ 1.84 ในขณะที่ผลการประเมินการตรวจน้ำตาลเฉลี่ยของสมาชิกอยู่ในระดับดีร้อยละ 82.95 ระดับพอใช้ร้อยละ 13.01 ระดับที่ต้องปรับปรุงร้อยละ 4.04 และผลการประเมินการตรวจโปรตีนเฉลี่ยของสมาชิกอยู่ในระดับดีร้อยละ 95.89 ระดับพอใช้ ร้อยละ 11.86 ระดับที่ต้องปรับปรุงร้อยละ 4.72
การประเมินความสามารถห้องปฏิบัติการหน่วยบริการปฐมภูมิแสดงให้เห็นว่าห้องปฏิบัติการสมาชิกส่วนมากมีปัญหาด้านการตรวจน้ำตาลและโปรตีนในในปัสสาวะสามารถใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพห้องปฏิบัติการ อาจนำไปสู่ข้อเสนอเชิงนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลคุณภาพห้องปฏิบัติการหน่วยบริการปฐมภูมิ