ประเมินผลการบริหารจัดการและการประกันคุณภาพวัคซีนโควิด 19 จังหวัดฉะเชิงเทรา
คำสำคัญ:
ประเมินผล, วัคซีนโควิด19, การบริหารจัดการ, การประกันคุณภาพวัคซีนบทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงประเมิน โดยใช้รูปแบบซิปป์โมเดล (CIPP model) มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 ประเมินผลการประกันคุณภาพวัคซีนโควิด 19 และจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายการบริหารจัดการและการประกันคุณภาพวัคซีนโควิด 19 จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มตัวอย่างเป็นคณะทำงานบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 จังหวัดฉะเชิงเทรา กำหนดขนาดจากสูตรทาโร่ยามาเน่ (Yamane, 1973)ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 70 คน สุ่มด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย 1) แบบประเมินผลการบริหารจัดการและการประกันคุณภาพวัคซีนโควิด 19 จังหวัดฉะเชิงเทรา 2) แบยสัมภาษณ์เชิงลึกเรื่องการประเมินผลการประกันคุณภาพวัคซีนโควิด 19 และ 3) แบบสัมภาษณ์เชิงลึก เรื่องแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วย ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการศึกษาพบว่า การบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 จังหวัดฉะเชิงเทราในภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ( = 3.87, S.D.=0.462) โดยพบว่าปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมมีการปฏิบัติมากที่สุด (
= 4.38,S.D.=0.601) ด้านปัจจัยนำเข้า (
= 3.84, S.D.=0.420) ปัจจัยด้านกระบวนการ(
= 3.18, S.D.=0.450)
และปัจจัยด้านผลผลิต ( = 4.06, S.D.
=0.380) มีการปฏิบัติในระดับมาก ผลการประเมินการประกันคุณภาพวัคซีนโควิด 19 คลังวัคซีนของหน่วยบริการจังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่าด้านระบบลูกโซ่ความเย็น เจ้าหน้าที่ไม่มั่นใจในแนวทางปฏิบัติทั้งการจัดเก็บและการขนส่งวัคซีน ด้านคุณภาพการให้บริการ พบว่าต้องเพิ่มพูนความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับคุณภาพวัคซีนโควิด 19 และแนวทางการให้บริการแก่ประชาชน ด้านการบันทึกข้อมูลพบว่าแนวทางปฏิบัติ ด้านระบบสารสนเทศของหน่วยงานไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกันและมีความล่าช้าส่งผลให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจในการเข้ารับการฉีดวัคซีน และข้อเสนอเชิงนโยบายการบริหารจัดการและการประกันคุณภาพวัคซีน โควิด 19 จังหวัดฉะเชิงเทราได้แก่ 1) จัดตั้งคณะทำงานการบริหารจัดการวัคซีนแบบบูรณาการทุกภาคส่วน 2) จัดทำแนวทางปฏิบัติเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนจังหวัดฉะเชิงเทราที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน 3) จัดอบรมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัคซีนโควิด 19 และระบบลูกโซ่ความเย็นสำหรับบุคลากร4) จัดตั้งคณะทำงานกำกับติดตามคุณภาพการให้บริการวัคซีนโควิด 19 และ 5) ปรับปรุงระบบสารสนเทศให้
สอดรับกับระบบการบันทึกข้อมูลวัคซีนตามนโยบายที่กำหนด ซึ่งผลที่ได้จากการศึกษาสามารถนำไปใช้ในการกำหนดนโยบายด้านการบริหารจัดการวัคซีน การวางแผนงาน โครงการต่างๆ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค. (2564). แนวทางการให้วัคซีนโควิด 19ในสถานการณ์การระบาดปี 2564 ของประเทศไทย(ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: บริษัท ทีเอส
อินเตอร์พรินท์ จำกัด.
กระทรวงสาธารณสุข. (2565). สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มาตรการสาธารณสุขและปัญหาอุปสรรคการป้องกันควบคุมโรคในผู้เดินทาง. สืบค้นวันที่ 30 มกราคม2564, จาก: https://1th.me/2nJ04.
กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ. (2550). ตำราวัคซีนและการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค. พิมพ์ครั้งที่ 2.กรุงเทพฯ: ศรีเมืองการพิมพ์.
พัชรภร คอนจำนงค์. (2558). ศึกษาการประเมินผลโครงการพัฒนาคุณภาพการจัดเก็บวัคซีนและกระจายวัคซีนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในหน่วยบริการปฐมภูมิ จังหวัดนครราชสีมา.สาธารณสุขศาสตร มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช. นครราชสีมา:มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช.
เพ็ญศิริ อัตถาวงศ์และประณีต ส่งวัฒนา. (2565). การถอดบทเรียนความสำเร็จของพยาบาลผู้นำในการบริหารจัดการฉีดวัคซีนโควิด 19 แบบเบ็ดเสร็จ:กรณีศึกษาศูนย์ฉีดวัคซีน สงขลา. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์. 15(1): 234-249.
ภัทรินทร์ อิสระพิทักษ์กุล. (2562). ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพการบริหารจำนวนยาและเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยาของฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์. สืบค้นวันที่ 24 มีนาคม 2565, จากhttp:// ba-abstract.ru.ac.th/index.php/abstractData/viewIndex/192.ru
ศิริรัตน์ เตชะรัตน์. (2554). คู่มือการบริหารจัดการวัคซีนและระบบลูกโซ่ความเย็น. กรุงเทพฯ:ศรีเมืองการพิมพ์.
สมคิด เพชรชาตรีและวัชรศักดิ์ สารพร. (2564). การประเมินคุณภาพการบริหารจัดการวัคซีนของคลังวัคซีนโรงพยาบาลในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส)ปีพ.ศ. 2563. วารสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์.63(4). 836-845.
สุภาพร สนองเดช. (2565). การพัฒนาระบบบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 ในจังหวัดเลย. วารสารโรงพยาบาลเลย. 1(1). 1-8.
Stuffl ebeam, D. L. (1971). The Relevance ofthe CIPP Evaluation Model for EducationalAccountability. Journal of Research andDevelopment. in Education, 5, 19-25.
Yamane, T. (1973). Statistic : on introductoryanalysis. New York : Harper and Row.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคกลาง)

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 6
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 6 และบุคลากรท่านอื่น ในศูนย์ฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว