ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับภาวะน้ำหนักเกินของเด็กวัยเรียน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
คำสำคัญ:
ความรอบรู้ด้านสุขภาพ,, ภาวะน้ำหนักเกิน, เด็กวัยเรียนบทคัดย่อ
การศึกษานี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกของภาวะน้ำหนักเกินของเด็กวัยเรียนศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับภาวะน้ำหนักเกินและพัฒนาแนวทางการป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำหนักเกินของเด็กวัยเรียน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ประชากรสำหรับการศึกษาความชุกของภาวะน้ำหนักเกินของเด็กวัยเรียนได้แก่ ข้อมูลด้านสุขภาพของนักเรียน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ข้อมูลการประเมินภาวะการเจริญเติบโตของเด็กนักเรียนอายุระหว่าง 9-14 ปี และพบมีภาวะน้ำหนักเกินเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ แบบบันทึกสุขภาพประจำตัวนักเรียน ปีการศึกษา 2563-2565 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับภาวะน้ำหนักเกินได้แก่ นักเรียนที่มีอายุระหว่าง9-14 ปี และพบมีภาวะน้ำหนักเกิน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ประชากรจากการสุ่มแบบแบ่งชั้น จำนวน 150 คนและประชากรที่ใช้ในการศึกษาเพื่อจัดทำแนวทางการป้องกันภาวะน้ำหนักเกินได้แก่ ผู้ปกครองครู บุคลากรสาธารณสุขและเครือข่ายภาคประชาชน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ประชากรที่คัดเลือกแบบเจาะจงและสมัครใจจำนวน 10 คนเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ แบบสอบถามความรอบรู้ด้านสุขภาพเพื่อป้องกันโรคอ้วนสำหรับนักเรียนอายุ9-14 ปี ของกองสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ที่มีค่าความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์แอลฟาเท่ากับ0.862 วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ค่าความถี่ ค่าร้อยละวิเคราะห์ความสัมพันธ์โดยใช้สถิติสหสัมพันธ์แบบเพียร์สันและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้านการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการศึกษาความชุกและแนวโน้มภาวะน้ำหนักเกินของเด็กวัยเรียนในโรงเรียนเขตพื้นที่รับผิดชอบจำนวน 3 โรงเรียน พบว่าเด็กวัยเรียนที่มีอายุระหว่าง 9-14 ปี ทั้งหมด 890 คน มีภาวะน้ำหนักเกิน 228 คนคิดเป็นร้อยละ 25.61 แบ่งเป็นภาวะท้วมร้อยละ 6.29 ภาวะเริ่มอ้วนร้อยละ 11.57 และภาวะอ้วนร้อยละ 7.75โดยโรงเรียนที่มีเด็กภาวะน้ำหนักเกิน ภาวะท้วม และภาวะเริ่มอ้วนสูงสุด ได้แก่ โรงเรียนประภามนตรี 2 (ร้อยละ28.4, 6.4 และ15.2 ตามลำดับ) และเด็กที่มีภาวะอ้วนสูงสุด ได้แก่ โรงเรียนเทศบาล 1 (ร้อยละ 8.28) ผลการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพ ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบได้แก่ 1) ความรู้ความเข้าใจทางสุขภาพ 2)การเข้าถึงข้อมูลและบริการสุขภาพ 3)การสื่อสารเพื่อสุขภาพ 4) การจัดการตนเอง 5) การรู้เท่าทันสื่อและสารสนเทศ และ 6) การตัดสินใจเลือกปฏิบัติที่ถูกต้องกับภาวะน้ำหนักเกินของเด็กวัยเรียนพบว่า ความรู้ความเข้าใจทางสุขภาพ (r=0.488, p-value =0.007) การสื่อสารเพื่อสุขภาพ (r= 0.775, p-value =0.003)และการตัดสินใจเลือกปฏิบัติที่ถูกต้อง (r= 0.731, p-value =0.01) มีความสัมพันธ์กับภาวะน้ำหนักเกินของเด็กวัยเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) สำหรับแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาภาวะน้ำหนักเกินของเด็กวัยเรียนได้แก่ 1) ภาคีเครือข่ายนักเรียนร่วมสร้างต้นแบบวัยรุ่นสุขภาพดี 2) จัดกิจกรรมสร้างแรงจูงใจทางบวกแก่นักเรียนที่มีภาวะท้วม เริ่มอ้วนและอ้วน 3) กำหนดนโยบายควบคุมอาหารที่ส่งผลต่อสุขภาพและภาวะ
น้ำหนักเกิน 4) ภาคีเครือข่ายผู้ปกครองสนับสนุนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 5) สำรวจภาวะสุขภาพและคืนข้อมูลภาวะน้ำหนักเกินของเด็กวัยเรียนแก่โรงเรียนและชุมชนทุก 3 เดือน และ 6) ภาคีเครือข่ายชุมชนสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการจัดกิจกรรมในชุมชน ซึ่งผลการศึกษาสามารถนำไปใช้วางแผนเชิงนโยบายสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เด็กวัยเรียนที่มีอายุระหว่าง 9-14 ปี มีพฤติกรรมและภาวะสุขภาพทางกายที่เหมาะสมต่อไป
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข. (2564). รายงานประจำปี 2564เฝ้าระวังทางโภชนาการ. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข.
กัลป์ยานี โนอินทร์. (2560). ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในวัยเรียนและวัยรุ่นไทย. Journal ofThe Royal Thai Army Nurses, 18(2), 1-8.
จตุพร จำรองเพ็ง. (2561). ผลของโปรแกรมการควบคุมน้ำหนักต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหาร พฤติกรรมการมีกิจกรรมทางกายและน้ำหนักตัวของเด็กวัยเรียนตอนปลายที่มีภาวะน้ำหนักเกิน. พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
นิรชน ชูติพัฒนะและคณะ. (2563). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในนักเรียนวัยรุ่น จังหวัดยะลา.ไทยเภสัชศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ. 15(2):98-104.
วรัญญา ทองใบ. (2563). ผลของโปรแกรมการออกกำลังกายแบบหนักสลับเบาที่มีต่อสุขสมรรถนะของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีภาวะน้ำหนักเกิน. การศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยนเรศวร. นครราชสีมา: มหาวิทยาลัยนเรศวร.
วิชชุพร เกตุไหม. (2563). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อภาวะน้ำหนักเกินของบุคลากรสำนักส่งเสริมสุขภาพ ปีงบประมาณ 2563. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข.
วิมล โรมาและสายชล คล้อยเอี่ยม. (2560). รายงานโครงการสำรวจความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป พ.ศ. 2560(ระยะที่ 1). นนทบุรี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.
ศิริพร จริยาจิรวัฒนาและคณะ. (2565). ความรอบรู้ด้านสุขภาพและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของประชาชนไทยในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 6 กระทรวงสาธารณสุข.
วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม.45(2) : 25-38.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ. (2565).เอกสารประกอบการตรวจราชการและนิเทศงานกรณีปกติ รอบที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2565จังหวัดสมุทรปราการ. สมุทรปราการ: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ.
Dusanee Suwankhong (2562). Perceptionsof Overweight and Obese Studentsamong Guardians, Community Leadersand Community Members in a RuralCommunity Southern Thailand. Journalof Public Health. 49(1).
Nutbeam Don. (2000). Health Literacy as apublic health goal: a challenge forcontemporary health education andcommunication strategies into the 21stcentury. Health Promotion International.15(3): 259-67.
World Health Organization. (2017). Growthreference:BMI-for-age. [ND]: from http://www.who.int/ growthref/who2007_bmi_for_age/en/.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคกลาง)

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 6
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 6 และบุคลากรท่านอื่น ในศูนย์ฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว