ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแลผู้สูงอายุโรคหืด อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

บทคัดย่อ

               การศึกษาเชิงพรรณนา แบบภาคตัดขวางนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแลผู้สูงอายุโรคหืดและปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแลผู้สูงอายุโรคหืด กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ดูแลผู้สูงอายุโรคหืดที่มีอายุ 20-59 ปี และเข้ารับการรักษาที่คลินิกโรคหืดพยาบาลคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร จำนวน 153 ราย สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ แบบ stepwise

               ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 84.97 อายุอยู่ในช่วง 51 ขึ้นไป ร้อยละ 40.52  สถานภาพสมรส ร้อยละ 62.74 สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา ร้อยละ 62.75 ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ 33.33  ระยะเวลาในการดูแลผู้ป่วยหืด อยู่ในช่วง 6–10 ปี ร้อยละ 68.63 กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนพฤติกรรมการดูแลผู้สูงอายุโรคหืดอยู่ในระดับดี ร้อยละ 82.35 การรับรู้โอกาสเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนของโรคหืดของผู้ดูแลผู้สูงอายุโรคหืด  การรับรู้ความรุนแรงของโรคหืดของผู้ดูแลผู้สูงอายุโรคหืดและการรับรู้สมรรถนะในการดูแลผู้สูงอายุโรคหืดของผู้ดูแลมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลผู้สูงอายุโรคหืดของผู้ดูแลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแลผู้สูงอายุโรคหืด โรงพยาบาลคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ได้แก่ การรับรู้สมรรถนะในการดูแลผู้สูงอายุโรคหืดของผู้ดูแล (Beta=.245) และการรับรู้โอกาสเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนของโรคหืดของผู้ดูแล (Beta=.223) โดยสามารถอธิบายความแปรปรวนของพฤติกรรมการดูแลผู้สูงอายุโรคหืดของผู้ดูแลได้ร้อยละ 27.6 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p<0.05