ผลของโปรแกรมกิจกรรมกลุ่มสันทนาการต่อภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ เขตพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านท่ากลอย อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
คำสำคัญ:
ผู้สูงอายุ, ภาวะซึมเศร้า, โปรแกรมกิจกรรมสันทนาการบทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองชนิดกลุ่มเดียวครั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะข้อมูลทั่วไป เปรียบเทียบระดับภาวะซึมเศร้าของผู้สูงอายุก่อนและหลังการเข้าโปรแกรมกิจกรรมกลุ่มสันทนาการ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้สูงอายุในเขตพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านท่ากลอย อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 20 คน สุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ในระยะก่อนการทดลอง ระหว่างการทดลอง หลังการทดลอง และระยะติดตามผล 2 สัปดาห์หลังการทดลอง โดยใช้แบบวัดความซึมเศร้าของผู้สูงอายุไทย หาค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือด้วยสูตร คูเดอร์ ริชาร์ดสัน ได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.93 และแบบประเมินพฤติกรรมที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ได้ค่าความตรงเชิงเนื้อหาเท่ากับ 0.83 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าความแปรปรวนทางเดียวแบบวัดซ้ำ
ผลการวิจัย พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 64.38 สถานภาพสมรสเป็นคู่ ร้อยละ 63.01 มีอายุระหว่าง 70 - 79 ปี ร้อยละ 49.32 จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ร้อยละ 45.21 และมีการมาเยี่ยมของญาติอย่างสม่ำเสมอ และภายหลังเข้าร่วมโปรแกรมกิจกรรมกลุ่มสันทนาการกลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยภาวะซึมเศร้าลดลงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมกิจกรรมกลุ่มสันทนาการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 โดยจากที่พบว่าก่อนการทดลองมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 15.20 (SD=1.74) และหลังการทดลองลดลงเหลือคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.80 (SD=1.44)
ข้อเสนอแนะจากการวิจัยครั้งนี้พบว่าการใช้โปรแกรมกิจกรรมกลุ่มสันทนาการสามารถลดภาวะซึมเศร้าของผู้สูงอายุที่เข้าร่วมในการศึกษาครั้งนี้ได้ ซึ่งได้วิธีการจัดกิจกรรมสันทนาการให้ผู้สูงอายุที่มีภาวะซึมเศร้าเพื่อลดความซึมเศร้าที่เหมาะสมกับปัญหา และความต้องการของผู้สูงอายุ อีกทั้งช่วยให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในพื้นที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะซึมเศร้าได้อย่างเหมาะสม จึงนับว่าเป็นประโยชน์อย่างมากในด้านการพัฒนาการดูแลผู้สูงอายุด้านการบำบัด โดยใช้โปรแกรมกิจกรรมกลุ่มสันทนาการ
Downloads
References
Rueangtrakun, Somphop. (2016). Basic psychiatry and psychiatric diseases. Bangkok: Faculty of Medicine Siriraj Nursing, Mahidol University. (in Thai).
สมภพ เรื่องตระกูล. (2559). จิตเวชศาสตร์พื้นฐานและโรคทางจิตเวช. กรุงเทพฯ: คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล, มหาวิทยาลัยมหิดล.
Chakkrapan, Somchai. (2021). Mental health: health problems in the next century. Health doctor. (in Thai).
สมชาย จักรพันธุ์. (2564). สุขภาพจิต: ปัญหาสุขภาพในศตวรรษหน้า. หมออนามัย.
Health Data Center. (2023). Access to the mental health service system Chachoengsao Province. Retrieved March 5, 2024. Source https://cco.hdc.moph.go.th/hdc/main/index.php (in Thai).
ระบบคลังข้อมูลสุขภาพ (HDC). (2566). การเข้าถึงระบบบริการสุขภาพจิต จังหวัดฉะเชิงเทรา. สืบค้นวันที่ 5 มีนาคม 2567. แหล่งที่มา https://cco.hdc.moph.go.th/hdc/main/index.php.
Tawichachat, Nanthika. (2015). Epidemiology of mental health and psychiatry. Bangkok: Faculty of Medicine, Chulalongkorn University. (in Thai).
นันทิกา ทวิชาชาติ. (2558). ระบาดวิทยาทางสุขภาพจิตและจิตเวช. กรุงเทพฯ: คณะแพทยศาสตร์, มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์.
Khumthawiphon, Phatsamon and Sutthiphong, Suchitra. (2015). Effects of practicing recreational activities on sleep quality. Sleep of the elderly. Journal of Gerontology and Gerontology. 1(1): 19-24. (in Thai).
พัสมณฑ์ คุ้มทวีพร และสุจิตรา สุทธิพงศ์. (2558). ผลของการปฏิบัติกิจกรรมสันทนาการต่อคุณภาพการนอน หลับของผู้สูงอายุ. วารสารพฤฒาวิทยาและเวชศาสตรผู้สูงอายุ. 1(1): 19-24.
Leethongin, Orawan. (2016). Results of self-help groups for depressed elderly people in Saint Joseph's Nursing Home, Khon Kaen Province. Department of Psychiatry Graduate School Chulalongkorn University. (in Thai).
อรวรรณ ลี่ทองอิน. (2559). ผลการทำกลุ่มช่วยเหลือตนเองของผู้สูงอายุที่ซึมเศร้าในบ้านพักคนชรานักบุญโยเชฟ จังหวัดขอนแก่น. ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Udom, Thamrucha. (2014). Effectiveness of the recreation program by playing Angkalung in elderly people with depression. Masterof Nursing Science Thesis Department of Geriatric Nursing, Burapha University. (in Thai).
ธรรมรุจา อุดม. (2557). ประสิทธิผลของโปรแกรมสันทนาการโดยการเล่นอังคะลุงในผู้สูงอายุที่มีภาวะซึมเศร้า. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลผู้สูงอายุ, มหาวิทยาลัยบูรพา.
Satawatthamrong, Pricha. (2021). Study of the prevalence and related factors of dementia. and depression in Thai elderly. Bangkok: Department of Mental Health. (in Thai).
ปรีชา ศตวรรษธํารง. (2564). การศึกษาความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของภาวะสมองเสื่อม และภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุไทย. กรุงเทพฯ: กรมสุขภาพจิต.
Department of Mental Health. (2021). Study of the prevalence and related factors of dementia. and depression in Thai elderly. Bangkok: Department of Mental Health. (in Thai).
กรมสุขภาพจิต. (2562). การสํารวจภาวะสุขภาพจิต ผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์คนชราของรัฐในกรุงเทพมหานคร 3 แห่ง ปี พ.ศ. 2562. กรุงเทพฯ:กรมสุขภาพจิต.
Kaewnil, Chiranon. (2020). A study of the opinions of the elderly in nursing homes regarding returning to live there. With family or relatives: A case study of the elderly in the Phuket Home for the Elderly. Phuket: Department of Public Welfare. (in Thai).
จิรนนท์ แก้วนิล. (2563). การศึกษาความคิดเห็น ของผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์คนชราต่อการกลับไปอาศัยอยู่กับครอบครัวหรือญาติ: กรณีศึกษาผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์คนชราบ้านภูเก็ต. ภูเก็ต: กรมประชาสงเคราะห์.
Intha, Renu. (2015). Effects of reminiscing on depression and self-esteem. Faculty of Nursing Thesis Mental health nursing fi eld Chiang Mai University. (in Thai).
เรณู อินทรตา. (2558). ผลของการระลึกความหลังต่อภาวะซึมเศร้าและความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง.วิทยานิพนธ์คณะพยาบาลศาสตร์ สาขาการพยาบาลสุขภาพจิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
Chotikacharoensuk, Panitnon. (2022). Physical activity and mental well-being of the elderly. nursing thesis Master of Arts Faculty of Nursing, Chiang Mai University.(in Thai).
พนิตนนท์ โชติกเจริญสุข. (2565). กิจกรรมทางกายกับความผาสุกทางใจของผู้สูงอายุ. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต คณะพยาบาลศาสตร์, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 6
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 6 และบุคลากรท่านอื่น ในศูนย์ฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว