ผลการจัดบริการดูแลผู้ป่วยแบบแยกกักตัวที่บ้านของหน่วยบริการปฐมภูมิ จังหวัดฉะเชิงเทรา : กรณีศึกษาผู้ป่วยสูงอายุโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงประเมิน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการจัดบริการดูแลผู้ป่วยแบบแยกกักตัวที่บ้านของหน่วยบริการปฐมภูมิ จังหวัดฉะเชิงเทราในผู้ป่วยสูงอายุโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลุ่มตัวอย่างเจาะจงเลือกจากบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในโรงพยาบาลชุมชนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และผู้ป่วยสูงอายุหรือญาติหรือผู้ดูแลผู้ป่วยสูงอายุโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019รวมทั้งสิ้น 60 คนโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลได้แก่แบบประเมินผลการจัดบริการดูแลผู้ป่วยสูงอายุโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แบบแยกกักตัวที่บ้านของหน่วยบริการปฐมภูมิ จังหวัดฉะเชิงเทรา (สำหรับเจ้าหน้าที่) และการสัมภาษณ์เชิงลึกสำหรับผู้ป่วยสูงอายุหรือญาติหรือผู้ดูแลผู้ป่วยสูงอายุวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการจัดบริการดูแลผู้ป่วยแบบแยกกักตัวที่บ้านของหน่วยบริการปฐมภูมิจังหวัดฉะเชิงเทรา กรณีศึกษาผู้ป่วยสูงอายุโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พบว่าการจัดบริการดูแลผู้ป่วยสอดคล้องกับนโยบายที่กำหนดสอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของผู้ป่วย มีบุคลากรและงบประมาณเพียงพอ มีการวางแผน การมอบหมายงานและการติดตามประเมินผลที่ชัดเจนโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ส่งผลให้ผู้ป่วยสูงอายุ ญาติและผู้ดูแลมีความพึงพอใจในการจัดบริการของหน่วยบริการปฐมภูมิ โดยผลการประเมินตามปัจจัย 4 ด้านพบว่า ในภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับดี ( =3.62) เมื่อพิจารณาการประเมินรายด้านพบว่า ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม (
=4.07) ด้านปัจจัยนำเข้า (
=3.69) ด้านกระบวนการ (
=3.59) และด้านผลผลิต(
=3.70) มีการปฏิบัติในระดับดีทุกด้าน ซึ่งผลการศึกษาสามารถนำไปใช้ในการวางแผนการพัฒนาระบบการจัดบริการการดูแลผู้ป่วยสูงอายุให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข. (2565). สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019. สืบค้นเมื่อ 19 สิงหาคม2565, จาก: https://media.thaigov.go.th/uploads/public_img/source/190865.pdf.
ธีรวุฒิ เอกะกุล. (2543). ระเบียบวิธีวิจัยทางพฤติกรรม-ศาสตร์และสังคมศาสตร์. อุบลราชธานี : สถาบันราชภัฎอุบลราชธานี.
นภาพร อภิรวดีวจีเศรษฐ์และคณะ. (2564). การเตรียมความพร้อมเพื่อพัฒนาสมรรถนะของพยาบาลเพื่อการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19. วารสารเวชบันทึก
ศิริราช. 14(4): 81-90.
นิสากร วิบูลชัยและชาติ ไทยเจริญ. (2563). การเยี่ยมบ้าน : บทบาทพยาบาลในสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม.17(2): 119-127.
รวิพร โรจนอาชา และคณะ. (2564). การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดย
ใช้ Hospitel ในบริบทชายแดนไทย-มาเลเซียภายใต้การบริหารจัดการของแผนกผู้ป่วยในโรงพยาบาลสะเดา จ.สงขลา. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์. 14(1) :134-156.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา. (2565). เอกสารประกอบการตรวจราชการและนิเทศงานกรณีปกติ
กระทรวงสาธารณสุข รอบที่ 2 ปีงบประมาณ2565. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2565, จาก https://drive.google.com/drive/folders/1aTdH
UR2fLawr1WNjrP1fdgwf3uyODMmqBegun, J.W. & Jiang, H.J. (2020). Health caremanagement during Covid-19: Insightsfrom complexity science. NEJM CatalystInnovation in Care Delivery. 1(5).
Stuffl ebeam, D.L. The CIPP Model for Evaluation.(2003). Annual Conference of the OregonProgram valuation Network. (OPEN), Portland.Oregon, 2003.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคกลาง)

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 6
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 6 และบุคลากรท่านอื่น ในศูนย์ฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว