การพัฒนารูปแบบการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดสมุทรปราการ
คำสำคัญ:
รูปแบบการดำเนินงาน, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน, เฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรค, โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019บทคัดย่อ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหา พัฒนารูปแบบ และประเมินผลรูปแบบการดำเนินงานของ อสม. ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดสมุทรปราการกลุ่มตัวอย่างคือ บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข 12 คน ประธานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน12 คน และ อสม. 399 คน ใช้การสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถามที่มีค่าความตรงเชิงเนื้อหาอยู่ระหว่าง 0.89-1.00 มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.88 แบบประเมินความพึงพอใจและแนวทางการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การเปรียบเทียบค่าที และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการศึกษาพบว่า 1) สภาพปัญหาที่พบคือ อสม. ขาดความรู้และทักษะการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระบบการบริหารจัดการไม่ชัดเจน ไม่สามารถดำเนินการในโรงงานอุตสาหกรรมชุมชนแออัด แรงงานต่างด้าว ประชากรแฝงได้ ประชาชนตื่นตระหนกต่อข้อมูลข่าวสาร ขาดความตระหนักไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด และขาดการสนับสนุนการดำเนินงานจากหน่วยงานอื่นๆ ในพื้นที่ 2) รูปแบบการดำเนินงานของ อสม. ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดสมุทรปราการประกอบด้วย การพัฒนาระบบการบริหารจัดการระดับอำเภอ อบรมพัฒนาศักยภาพ อสม. ประสานความร่วมมือกับหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อระดับอำเภอ และสร้างช่องทางการสื่อสารกับภาคีเครือข่ายต่างๆ ในพื้นที่และ 3) ผลการพัฒนาพบว่า เกิดระบบการบริหารจัดการฯ ระดับอำเภอที่มีโครงสร้างชัดเจน อสม.กลุ่มตัวอย่างมีความรู้และพฤติกรรมการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) และมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคอยู่ในระดับสูง
ข้อเสนอแนะจากการวิจัยครั้งนี้ หน่วยงานสาธารณสุขสามารถนำรูปแบบการดำเนินงานของ อสม.ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2563). คู่มือเจ้าหน้าที่สาสารณสุขในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินกรณี การระบาด โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019ในประเทศไทย. นนทบุรี: โรงพิมพ์ทหารผ่านศึก.
กรมควบคุมโรค. (2565). สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย. สืบค้น 1 เมษายน2566, จากhttps://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/index.php.
กิตติพร เนาว์สุวรรณ, นภชา สิงห์วีรธรรม, นวรัตน์ไวชมภู และกชกร ฉายากุล. (2563). ความสำเร็จในการดำเนินงานควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ในชุมชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในประเทศไทย. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, 12(3), 195-212.
ระนอง เกตุดาว, อัมพร เที่ยงตรงดี และ ภาสินีโทอินทร์. (2564). การพัฒนารูปแบบการเฝ้าระวังป้องกันและ ควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จังหวัดอุดรธานี -บป๐ท /VI๐ป61 (10710-19. วารสารวิชาการสาสารณสุข, 30(1), 53-61.
รัชนี เต็มอุดม, ศิริลักษณ์ ใจช่วง, กรกพร ไทรสุวรรณ์,พเยาวดี แอบไธสง และ บารเมษฐ์ ภิราลํ้า. (2564).การพัฒนารูปแบบการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในจังหวัดนครพนม. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น, 28(1), 1-13.
วิลาวัณย์ พิเชียรเสถียร. (2563). อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลสำหรับโควิด-19 ของบุคลากรทีมสุขภาพ.วารสารการปฏิบัติการพยาบาลและการผดุงครรภ์ไทย 2563; 7(1): 07-24.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ. (2565).สรุปสถานการณ์การระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ.สมุทรปราการ.
สำนักสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข. (2563). รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)ประจำวันที่ 28 มีนาคม 2563. สืบค้น 1 เมษายน2566, จาก https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/140552/
Best, John W. (1981). Research in Education.3 rd ed. Englewood cliffs, New Jersey :Prentice. Hall Inc.
Bloom, Benjamin S.J. (ed). (1975). Taxonomyof Education Objective, Hand Book 1:Cognitive Domain. New York : David Mckay.Kemmis, S., & Mc Taggart, R. (2000) . The action research planner. 3rd ed. Victoria: DeakinUniversity press.
World Health Organization. (2020). WHO Director-General’s remarks at the media briefi ngon 2019-nCoV. Retrieved 11 May, 2022,
february-2020.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคกลาง)
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 6
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 6 และบุคลากรท่านอื่น ในศูนย์ฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
