การพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรโรงพยาบาลตราด
คำสำคัญ:
การพัฒนาศักยภาพบุคลากร, ทักษะการปฏิบัติงาน, บุคลากร, การวิจัยแบบผสมผสาน, การปฏิบัติงานในโรงพยาบาลบทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed-Method Research) เพื่อศึกษาศักยภาพการปฏิบัติงานและแนวทางในการพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรโรงพยาบาลตราด ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Method Research) โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 575 คน ด้วยแบบสอบถาม
ที่ผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญ และสัมภาษณ์เชิงลึกผู้บริหาร จำนวน 5 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน t-test (Independent Sample), F-test (One – way ANOVA) โดยกำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพวิเคราะห์ด้วยการถอดเทปและจัดกลุ่มประเด็นสาระสำคัญ (Thematic Coding)
ผลการศึกษาศักยภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรโรงพยาบาลตราด พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมาก (𝑥̄ = 3.80; S.D. = 0.47) โดยด้านคุณธรรมจริยธรรมอยู่ในระดับสูงสุด (𝑥̄ = 4.29; S.D. = 0.58) รองลงมาคือด้านรูปแบบ วิธีการ และกิจกรรม (𝑥̄ = 3.90; S.D. = 0.62) การติดต่อประสานงาน (𝑥̄ = 3.76; S.D. = 0.58) และแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน (𝑥̄ = 3.56; S.D. = 0.65) ส่วนด้านทักษะการปฏิบัติงานอยู่ในระดับปานกลาง (𝑥̄ = 3.49; S.D. = 0.52) การศึกษาเปรียบเทียบศักยภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรโรงพยาบาลตราดตามลักษณะส่วนบุคคล พบว่า เพศและอายุ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ แต่พบว่าระดับการศึกษา
มีผลต่อศักยภาพในทุกด้านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .05) โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีมีค่าเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มอื่น ผลการศึกษาแนวทางในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรโรงพยาบาลตราด สะท้อนความต้องการการพัฒนาใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ ทักษะการปฏิบัติงาน แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน การติดต่อประสานงาน คุณธรรมและจริยธรรมในการปฏิบัติงาน รูปแบบ วิธีการ และกิจกรรม ทั้งนี้ ควรพัฒนาแนวทางการพัฒนาศักยภาพ โดยเฉพาะความต้องการเรียนรู้ที่เน้นการคิดวิเคราะห์ผ่านเทคโนโลยีและแผนพัฒนารายบุคคล (IDP) การใช้เทคโนโลยี (e-Learning) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) การส่งเสริมทั้ง hard skills และ soft skills และการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในองค์กร ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตและแนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างรอบด้าน
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่สำคัญ คือ ควรมีนโยบายการพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่ชัดเจน ครอบคลุมทุกกลุ่มตำแหน่ง เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงโอกาสพัฒนา และควรบูรณาการใช้เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์เข้าสู่แผนยุทธศาสตร์ขององค์กร เพื่อเสริมสร้างทักษะอย่างยั่งยืน
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กรกมล ธาราพิตรกิจชัย และนฤมล อนุสนธิ์พัฒน์. (2566). การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรขององค์การบริหารส่วนตำบลในเขตอำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วารสารการบริหารนิติบุคคลและนวัตกรรมท้องถิ่น, 9(7), 544-558.
ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2564). เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย ฉบับปรับปรุง. พิมพ์ครั้งที่ 15. กรุงเทพฯ: อมรการพิมพ์.
ธนภรณ์ พรรณราย. (2565). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (สารนิพนธ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, สงขลา.
ธัญภา หมั่นจิตร. (2565). การพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ: กรณีศึกษา กองบริการงานอนุญาตโรงงาน1 กรมโรงงานอตุสาหกรรม (วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยรามคำแหง, กรุงเทพฯ.
โรงพยาบาลตราด. (2566). แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโรงพยาบาลตราด พ.ศ.2566-2570. ตราด: โรงพยาบาลตราด.
โรงพยาบาลตราด. (2567). เอกสารประกอบการตรวจราชการ ปีงบประมาณ 2567 รอบที่ 2. ตราด:โรงพยาบาลตราด.
สุดใจ จีนศาสตร์ (2566). พัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มศักยภาพและเตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนสายงานภายในองค์กรของบริษัทผลิตไฟฟ้าแห่งหนึ่ง (งานนิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต).มหาวิทยาลัยบูรพา, ชลบุรี.
เอกชัย มโนวรกลุ และประภัสสร วิเศษประภา. (2564). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากร ประจําสํานักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 22 (วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต).มหาวิทยาลัยรามคำแหง, กรุงเทพฯ.
Armstrong, M., & Taylor, S. (2020). Human Resource Management Practice (15th ed.). London: Kogan Page Publishers.
Boyatzis, R.E. (1982). The Competent Manager: A model of Effective Performance. New York : John Wiley and Sons Inc.
Dessler, G. (2020). Human Resource Management (16th ed.). New Jersey: Pearson Education, Inc.
Raymond, A.N. (2020). Employee Training and Development (8th ed.). New York:McGraw-Hill Education.
UNESCO. (2022). Making Lifelong Learning a Reality: A Handbook. Hamburg: UNESCO Institute for Lifelong Learning.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคกลาง)
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 6
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 6 และบุคลากรท่านอื่น ในศูนย์ฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
