การพัฒนารูปแบบการดูแลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลทุ่งสง
คำสำคัญ:
แนวปฏิบัติเพื่อป้องกันแผลกดทับ , สมรรถนะพยาบาล, พฤติกรรมการนิเทศทางการพยาบาลบทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยวิกฤต 2) เพื่อเปรียบเทียบอุบัติการณ์การเกิดแผลกดทับ สมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพ พฤติกรรม การนิเทศของผู้บริหารทางการพยาบาลก่อนและหลังใช้รูปแบบการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ แบ่งเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 สำรวจและวิเคราะห์ปัญหากลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารทางการพยาบาลและพยาบาลวิชาชีพ จำนวน 8 คน ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบการดูแลเพื่อป้องกันแผลกดทับตั้งแต่แรกรับจนจำหน่าย กลุ่มตัวอย่าง คือ พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลทุ่งสง จำนวน 57 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารทางการพยาบาล จำนวน 12 คน และพยาบาลวิชาชีพ จำนวน 45 คน รูปแบบการดูแลเพื่อป้องกันแผลกดทับ มีดังนี้ 1) ระยะแรกรับมีการประเมินความเสี่ยงการเกิดแผลกดทับ ลักษณะของผิวหนัง และบันทึกความเสี่ยงการเกิดแผลกดทับ 2) ระยะการดูแลในโรงพยาบาล การปฏิบัติตามแนวปฏิบัติและคู่มือการนิเทศ โดยปรับปรุงแนวปฏิบัติฉบับย่อ EPUAP การนิเทศตามแนวคิด Proctor 3) ระยะจำหน่าย มีการให้ความรู้และการดูแลป้องกันแผลกดทับกับญาติ โดยใช้ e-book ระยะที่ 3 ทดลองใช้รูปแบบ ระยะที่ 4 ขยายผล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สถิติ Paired t-test และสถิติ Wilcoxon Signed Rank test ผลการศึกษา พบว่า
1. รูปแบบการดูแลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยวิกฤต แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1) ระยะ แรกรับมีการประเมินความเสี่ยงการเกิดแผลกดทับ การประเมินสภาพผิวหนัง การบันทึกและการส่งต่อข้อมูลความเสี่ยง 2) ระยะการดูแลในโรงพยาบาล มีการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติ การนิเทศติดตามการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติ และ 3) ระยะจำหน่าย การให้ความรู้แก่ผู้ดูแลโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์
2. หลังใช้รูปแบบพบว่า อุบัติการณ์การเกิดแผลกดทับลดลง พยาบาลวิชาชีพมีสมรรถนะการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับสูงขึ้นและผู้บริหารทางการพยาบาลมีพฤติกรรมการนิเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ควรส่งเสริมการใช้รูปแบบการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันแผลกดทับอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาสมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพด้านการประเมินโภชนาการ ทำให้ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนและเกิดคุณภาพในการดูแล
เอกสารอ้างอิง
ปริศนา มณีฉาย, เปรมฤทัย น้อยหมื่นไวย, และ เรณุการ์ ทองคำรอด. (2567). ผลของรูปแบบนิเทศทางการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ โรงพยาบาลทุ่งสง. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 11(1), 1-13.
โรงพยาบาลทุ่งสง. (2566). ข้อมูลสารสนเทศฝ่ายป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ.
มธุรส ตันติเวสส, อารีรัตน์ ขำอยู่, และ ประนอม โอทกานนท์. (2563). การพัฒนารูปแบบการนิเทศทางการพยาบาลสำหรับผู้ตรวจการพยาบาลนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสงฆ์. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 25(3), 41-51.
วุฒิชัย สมกิจ, วไลพร ปักเคระกา, นิสากร วิบูลชัย, ธนิศรา นามบุญเรือง, รุ่งนภา ธนูชาญ, สุชัญญ์ญา เดชศิริ, และคณะ, (2567). บทบาทของพยาบาลในการป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยวิกฤตทางศัลยกรรมระบบประสาท. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 21(1), 12-27.
ศรัญญา จุฬารี, จันทร์ทิรา เจียรณัย, ศิริพร เพ็ชรโรจน์, และ ดวงเนตร ชาติพิมาย. (2566). การดูแลแผลกดทับในผู้ป่วยวิกฤต: บทบาทพยาบาลวิกฤต. วารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล, 29(1), 1-15.
ศิริกัญญา อุสาหพิริยกุล, ศากุล ช่างไม้, และ วีนัสลีฬหกุล. (2562). ผลของโปรแกรมการดูแลผู้ป่วยสูงอายุกลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะพึ่งพาต่อความสามารถในการลงมือปฏิบัติการดูแลเพื่อป้องกันแผลกดทับ. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 27(4), 21-30.
ศิรินันท์ อ่อนพุทธา, ดารารัตน์ ชูวงค์อินทร์, ศิริกร ก้องวัฒนะกุล, และ รัตนา จุลสวัสดิ์. (2566). บทบาทของพยาบาลกับการใช้ปิโตรเลียมเจลลี่เพื่อป้องกันและดูแลแผลกดทับ: การทบทวนวรรณกรรม. วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยคริสเตียน, 10(2), 116-128.
สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล องค์กรมหาชน.Patient Safety Goals: SIMPLE Thailand 2018. นนทบุรี: สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล องค์กรมหาชน.
อรนุช มกราภิรมย์ และ อันธิกา คะระวานิช. (2563). การพัฒนาแนวปฏิบัติทางการพยาบาลสำหรับป้องกันการเกิดแผลกดทับในโรงพยาบาลตราด. วารสารกองการพยาบาล, 47(1), 139-150.
อรรถยา อมรพรหมภักดี, ฐาศุกร์ จันทร์ประเสริฐ และ อมราพร สุรการ. (2563). การนิเทศทางการพยาบาล: การทบทวนแบบกำหนดขอบเขต. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 30(3), 144-155.
Best, J. W. (1997). Research in Education 3rd. Englewood Cliffs N.J.: Prentice-Hall
Cohen, J. (1988). Statistical Power for The Behavioral Sciences. 3 rd ed. New York : Academic Pres.
Proctor, B. (2001). Training for the Supervision Alliance Attitude, Skills and Intention in Fundamental Themes in Clinical Supervision. London: Routledge.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสมาคมนวัตกรรมการพยาบาลและสุขภาพ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.