จริยธรรมการตีพิมพ์

หลักการความซื่อสัตย์ทางการวิจัยเป็นรากฐานสำคัญของมาตรฐานการตีพิมพ์ของวารสารการแพทย์อุบัติเหตุสำหรับโครงการวิจัยใหม่ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ผู้เขียนจำเป็นต้องส่งสำเนาเอกสารอนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัย (IRB) หรือคณะกรรมการจริยธรรมสถาบัน (IEC)

สำหรับโครงการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ที่เริ่มก่อนวันที่ 1 มกราคม 2568 และไม่มีเอกสารอนุมัติจาก IRB หรือ IEC ผู้เขียนจำเป็นต้องชี้แจงให้คณะบรรณาธิการเชื่อว่าการวิจัยไม่ละเมิดจริยธรรมใดๆ ต่อผู้เข้าร่วมการวิจัย

สำหรับโครงการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ทดลองมีแนวทางการตัดสินใจทางจริยธรรมที่ยึดหลักการของการแทนที่ การลดจำนวน และการปรับปรุง โดยนักวิจัยต้องแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของการศึกษาและมุ่งเน้นการลดความทุกข์ทรมานและการใช้วิธีการทางเลือกอื่นเมื่อเป็นไปได้

หากมีข้อสงสัยว่าการวิจัยไม่ได้ดำเนินการภายใต้กรอบจริยธรรมที่เหมาะสม หรือพบการประพฤติมิชอบทางการวิจัย เช่น การฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัติของโครงการวิจัย การปลอมแปลงและสร้างข้อมูลเท็จ การละเมิดลิขสิทธิ์ หรือการคัดลอกผลงาน บรรณาธิการมีสิทธิปฏิเสธต้นฉบับ รวมถึงถอดถอนบทความที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยดังกล่าว และอาจแจ้งไปยังบุคคลที่สาม เช่น คณะกรรมการจริยธรรมของสถาบันผู้เขียนหรือที่สถานบันผู้ของเขียน

บทบาทหน้าที่ของผู้เขียน

1. ผู้เขียนควรปฏิบัติตามแนวทางของวารสาร

2. ผู้เขียนต้องตระหนักว่าการปลอมแปลงหรือการจัดการข้อมูลอย่างไม่เหมาะสมเป็นพฤติกรรมที่ผิดจริยธรรมในผู้เขียน ทั้งนี้ผู้เขียนต้องสามารถจัดเตรียมข้อมูลการวิจัยได้หากบรรณาธิการเห็นความจำเป็น

3. ผู้เขียนต้องเปิดเผยการสนับสนุนทางการเงินและความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจมีอิทธิพลต่อข้อมูลและ/หรือการตีความข้อมูล ควรเปิดเผยความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อส่งต้นฉบับ

4. ผู้เขียนต้องมั่นใจว่าได้เขียนร่างนิพนธ์ต้นฉบับที่เป็นต้นฉบับทั้งหมด โดยต้นฉบับนั้นไม่ได้ถูกตีพิมพ์ที่อื่นและไม่ได้อยู่ในกระบวนการตีพิมพ์ในวารสารใดๆ

บทบาทหน้าที่ของผู้พิจารณา

1. ผู้พิจารณาต้องรักษาความลับและความเป็นกลาง ปฏิบัติต่อต้นฉบับสเหมือนเป็นเอกสารลับ และดำเนินการทบทวนอย่างเป็นกลาง ปราศจากอคติส่วนตัวหรือผลประโยชน์ทับซ้อน ห้ามเปิดเผยเนื้อหาที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์หรือใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ส่วนตน

2. ผู้พิจารณาต้องแจ้งให้กองบรรณาธิการทราบทันที เมื่อพบว่าบทความต้นฉบับที่ได้รับอยู่นอกเหนือขอบเขตความเชี่ยวชาญของตน และต้องปฏิเสธตัวเองจากการเป็นผู้พิจารณา

3. ผู้พิจารณาต้องให้ข้อเสนอแนะอย่างเป็นมืออาชีพ ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ทางระเบียบวิธีวิจัย และความสำคัญของงานวิจัย โดยหลีกเลี่ยงการวิจารย์ต่อตัวบุคคล

4. ผู้พิจารณาต้องมีความซื่อสัตย์ทางการวิจัย ผู้พิจารณามีหน้าที่ทางจริยธรรมในการระบุการประพฤติมิชอบทางการวิจัย เช่น การสร้างข้อมูลเท็จ การปลอมแปลงข้อมูล หรือการคัดลอกผลงาน และต้องแจ้งข้อกังวลที่ร้ายแรงต่อบรรณาธิการพร้อมหลักฐาน

5. ผู้พิจารณาจำต้องมีความเคารพและความเป็นธรรม โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ ผู้พิจารณาต้องส่งผลการพิจารณาให้ตรงเวลา และรักษามาตรฐานสูงสุดของความซื่อสัตย์ทางวิชาการ

บทบาทหน้าที่ของบรรณาธิการ

1. บรรณาธิการต้องประเมินต้นฉบับด้วยความเป็นกลางอย่างสมบูรณ์ ปราศจากอคติส่วนตัว เชิงพาณิชย์ หรือวิชาชีพ โดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังของผู้เขียน สถาบันที่สังกัด หรือเชื้อชาติ

2. เอกสารต้นฉบับที่ส่งทั้งหมดเป็นเอกสารที่เป็นความลับ บรรณาธิการจะไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการส่งบทความให้กับบุคคลอื่นนอกจากผู้เขียน ผู้พิจารณา และเจ้าหน้าที่ของวารสารตลอดกระบวนการ

3. บรรณาธิการต้องระบุและจัดการกับความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างกระตือรือร้น ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยความสัมพันธ์ส่วนตัว ทางการเงิน หรือทางวิชาการใดๆ ที่อาจมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของบรรณาธิการ เมื่อพบความขัดแย้งทางผลประโยชน์ บรรณาธิการควรถอนตัวออกหรือดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าการประเมินเป็นธรรม

4. บรรณาธิการมีความรับผิดชอบพื้นฐานในการตรวจจับและแก้ไขการกระทำผิดจริยธรรมในการวิจัย รวมถึงการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อหาการคัดลอกผลงาน การปลอมแปลงข้อมูล การปลอมแปลง รวมถึงการปฏิบัติวิธีวิจัยที่ผิดจริยธรรมอื่นๆ เมื่อสงสัยหรือพบการกระทำที่ผิดจริยธรรม บรรณาธิการต้องปฏิบัติตามระเบียบการที่กำหนดไว้สำหรับการสอบสวนและการเพิกถอนที่อาจเกิดขึ้น

5. การตัดสินใจเผยแพร่ต้องอิงตามความถูกต้องของงานวิจัยทางหลักวิทยาศาสตร์ ทางระเบียบวิธี รวมทั้งเนื้อหามีความเหมาะสมกับประเภทและความเฉพาะทางของวารสารที่ตีพิมพ์ บรรณาธิการควรให้ข้อเสนอแนะที่ชัดเจนและสร้างสรรค์แก่ผู้เขียน และรับรองกระบวนการตรวจสอบที่ยุติธรรมและโปร่งใส