ผลของโปรแกรมวางแผนจำหน่ายแบบD-METHODต่อความรู้พฤติกรรมการปฏิบัติตัวและการกลับเข้า รับการรักษาซ้ำในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรงพยาบาลพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
การวิจัยเป็นแบบกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียว วัดก่อนและหลังการทดลองมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้ และค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการปฏิบัติตัวในการจัดการอาการกำเริบและเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยการกลับมารักษาซ้ำภายใน 28 วัน หลังใช้โปรแกรมฯ ผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่เข้ารับการรักษาหอผู้ป่วยในชายโรงพยาบาลพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ระหว่างเดือนเมษายน-กันยายนพ.ศ. 2567จำนวน27รายเครื่องมือวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลแบบประเมินความรู้ และพฤติกรรมการปฏิบัติตัวในการจัดการอาการกำเริบและการกลับเข้ารับการรักษาซ้ำและโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายรูปแบบD-METHOD ของกองการพยาบาล กระทรวงสาธารณสุขวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและเปรียบเทียบโดยใช้t-testแบบคู่
ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างหลังได้รับโปรแกรมวางแผนจำหน่ายแบบ D-METHOD มีค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้ค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการปฏิบัติตัวสูงในการจัดการอาการกำเริบกว่าก่อนได้รับโปรแกรม และค่าเฉลี่ยการกลับมารักษาซ้ำภายใน 28 วัน หลังจำหน่าย (readmissions)ลดลงก่อนได้รับโปรแกรมฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05( t=5.68 p=0.00, t=4.96 p= 0.01 และ t=-11.76 p =0.01 )ตามลำดับ
สรุปการศึกษา:การวิจัยครั้งนี้ใช้แนวปฏิบัติการวางแผนจำหน่ายผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังตามรูปแบบ D-METHOD โรงพยาบาลพนมสารคาม ช่วยทำให้ผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังมีความรู้และการปฏิบัติตัวที่ดีขึ้น และช่วยลดการกลับมารักษาซ้ำในโรงพยาบาลได้
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
Wangsom, A. (2016). Dyspnea management in patients with chronic obstructive pulmonary disease. Thai Journal of Cardio-Thoracic Nursing, 27, 2-12.
World Health Organization (WHO). (2024). Tobacco and COPD: presenting the Tobacco Knowledge Summary. Form https://link.springer.com/article/10.1186/s12931-024-02961-5.
สถาบันโรคทรวงอก, กรมการแพทย์, กระทรวงสาธารณสุข. (2562). Burden of COPD. สืบค้นจาก https://dhes.moph.go.th/wp-content/uploads/2019/01/8.-one-page-COPD-edit-8-10 61.pdf
ข้อมูลผู้ป่วยในชาย โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในโรงพยาบาลพนมสารคาม.(2567). เอกสารไม่ได้ตีพิมพ์.
Donaldson, G. C., & Wedzicha, J. A. (2006). COPD exacerbations 1: Epidemiology. Form https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/22971062/
Criner, R. N., & Han, M. K. (2018). COPD care in the 21st century: A public health priority. Respiratory Care. Form https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/29692353/
Glaab, T., Vogelmeier, C., Hellmann, A., & Buhl, R. (2012). Guideline-based survey of outpatient COPD management by pulmonary specialists in Germany. International journal of Chronic Obstructive Pulmonary Disease. Form https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC3282602/
กองการพยาบาล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข.(2561). แนวทางการจัดเก็บตัวชี้วัดการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาล ประจำปีงบประมาณ 2562. กรุงเทพฯ: บริษัทสำนักพิมพ์ สื่อตะวันจำกัด.
Dodd, M., Janson, S., Facione, N., Faucett, J., Froelicher, E. S., Humphreys, J., ... & Taylor, D. (2019). Advancing the science of symptom management. Form https://www.scirp.org/reference/referencespapers?referenceid=1051387
อาดีละห์ สะไร. (2559). ผลของโปรแกรมการบูรณาการการวางแผนจำหน่ายร่วมกับประสบการณ์อาการต่อ ความสามารถในการจัดการอาการและสภาวะอาการหายใจลำบากในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาการพยาบาลผู้ ใหญ่ , บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
สมิทธ์ เกิดสินธุ์ และระพีพงศ์ สุพรรณไชยมาตย์.(2559). ผลการพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้น เรื้อรัง ต่อการรับผู้ป่วยในซ้ำใน 28 วัน: กรณีศึกษาโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จังหวัด ตาก. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 25(2), 246-254 .
เรวดี เพชรศิราสัณห์. (2560). อาการกำเริบเฉียบพลันในผู้ป่วย ปอดอุดกั้นเรื้อรัง ปัจจัยกระตุ้น และวิธีการจัดการ. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิตสาขาการพยาบาล ผู้ใหญ่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์, นครศรีธรรมราช.