การส่งบทความ

คำแนะนำผู้แต่ง

คำแนะนำสำหรับจัดทำต้นฉบับ
          วารสารวิชาการและวิจัยยาเสพติด (Journal of Addiction Research and Academic Science) มีนโยบายเผยแพร่ผลงานวิจัย บทความวิชาการทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์สาธารณสุขด้านยาเสพติด โดยรับพิมพ์นิพนธ์ต้นฉบับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่ไม่เคยปรากฏตีพิมพ์ที่อื่นมาก่อน มีกำหนดออกวารสารปีละ 3 ฉบับ
          1. ประเภทบทความ
               นิพนธ์ต้นฉบับ (Original article)
               เป็นรายงานผลการศึกษา ค้นคว้า วิจัยที่เกี่ยวกับทางการแพทย์และระบบสุขภาพ และหรือการพัฒนาระบบสาธารณสุข ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ควรประกอบ ด้วยลำดับเนื้อเรื่องดังต่อไปนี้ ชื่อเรื่อง ชื่อผู้นิพนธ์บทคัดย่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ คำสำคัญ บทนำ วัตถุประสงค์การวิจัย วิธีการดำเนินการ ผลารดำเนินการวิจารณ์ผล สรุปผลการศึกษา กิตติกรรมประกาศ และเอกสารอ้างอิง ความยาวของเรื่องไม่ควรเกิน 20 หน้ากระดาษ A4
               บทบรรณนิทัศน์ (Review article)
               เป็นบทความที่ทบทวนหรือรวบรวมความรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งจากวารสารหรือหนังสือต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศประกอบด้วย บทนำ วิธีการสืบค้นข้อมูล เนื้อหาที่ทบทวน บทวิจารณ์ และเอกสารอ้างอิงอาจมีความเห็นของผู้รวบรวมเพิ่มเติมด้วยก็ได้ ความยาวของเรื่องไม่ควรเกิน 15 หน้ากระดาษ A4
               บทความพิเศษ (Special article)
               เป็นบทความประเภทกึ่งบทปริทัศน์กับบทความฟื้นวิชาที่ไม่สามารถบรรจุเข้าเป็นบทความชนิดใดชนิดหนึ่งหรือเป็นบทความแสดงข้อคิดเห็นเกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่อยู่ในความสนใจของมวลชนเป็นพิเศษ
               รายงานผู้ป่วย (Case report)
เป็นผู้ป่วยที่น่าสนใจต่างๆ มีความยาวไม่เกิน 15 หน้ากระดาษ A4 พิมพ์เว้นบรรทัด ประกอบด้วย บทนำรายงานผู้ป่วย บทวิจารณ์ ข้อคิดเห็นและสรุป
               บทปกิณกะ (Miscellany)
เป็นบทความขนาดเล็กที่เนื้อหาอาจเข้าข่ายหรือไม่เข้าข่ายบทความต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เช่น บทปริทัศน์รายงานผลการศึกษาโดยสังเขป หรือรายงานเบื้องต้น
               จดหมายถึงบรรณาธิการ (Letter to the editor) หรือจดหมายโต้ตอบ (Correspondence)
               เป็นเวทีใช้ติดต่อตอบโต้ระหว่างนักวิชาการผู้อ่านกับเจ้าของบทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร กรณีผู้อ่านมีข้อคิดเห็นแตกต่าง ต้องการชี้ให้เห็นความไม่สมบูรณ์หรือข้อผิดพลาดของรายงาน และบางครั้งบรรณาธิการ
อาจวิพากษ์สนับสนุนหรือโต้แย้งได้
          2. การเตรียมต้นฉบับ
               2.1 ชื่อเรื่อง (Tittle) ประกอบด้วย
               (1) ชื่อเรื่อง ควรสั้น กะทัดรัด และสื่อความหมายหลักของการศึกษา ใช้ภาษาที่เป็นทางการ
ชัดเจนตรงไปตรงมา และครอบคลุมประเด็นของเรื่อง ความยาวไม่ควรเกิน 100 ตัวอักษร ชื่อเรื่องต้องเป็นทั้ง
ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
               (2) ชื่อผู้นิพธ์ให้มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (ใช้ชื่อ นามสกุลเต็ม)
               (3) มีชื่อหน่วยงาน สถาบันที่ผู้พิพนธ์ทำงานหรือศึกษา
               (4) แหล่งทุนสนับสนุนการศึกษา (ถ้ามี)
               2.2 บทคัดย่อ
               เป็นการสรุปประเด็นเนื้อหาสำคัญ ควรเขียนให้สั้น กระชับ ซึ่งต้องประกอบด้วย บทนำ วิธีการศึกษา ผลการศึกษาและวิจารณ์ ไม่เกิน 250 คำ หรือยาวไม่เกิน 10 – 15 บรรทัด ต้องเขียนทั้งภาษาไทย
และภาษาอังกฤษ
               2.3 คำสำคัญ หรือคำหลัก (Key words)
               เป็นศัพท์เฉพาะทางที่เห็นแล้วเข้าใจว่างานชิ้นนี้เกี่ยวกับอะไร จำนวนไม่เกิน 5 - 8 คำ เป็นคำที่มีนัยสำคัญที่ปรากฏในชื่อเรื่อง คำสำคัญในภาษาไทยต้องตรงกับคำสำคัญในภาษาอังกฤษ เป็นคำค้นจากดัชนีค้นเอกสารในวารสารและดัชนีประเภทต่าง ๆ ใส่ไว้ท้ายบทคัดย่อ เป็นหัวข้อเรื่องสำหรับทำดัชนีเรื่อง (Subjectindex) ของปีวารสาร (Volume) และดัชนีเรื่องสำหรับ Index Medicus โดยใช้ Medical Subject Headings (MeSH) terms ของ U.S National Library of Medicine เป็นแนวทางการให้คำสำคัญหรือคำหลัก
               2.4 บทนำ (Introduction)
               เป็นการกล่าวถึงที่มาของเรื่อง หรือความเป็นมาของประเด็นปัญหาหรือจุดมุ่งหมายในการเขียนบทความ ควรมีเนื้อหาที่เร้าความสนใจ หรือปูพื้นฐานความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวที่จะกล่าวในบทความเพื่อดึงความสนใจของผู้อ่านเข้าสู่เนื้อเรื่อง ให้ผู้อ่านเห็นความสำคัญ และต้องการที่จะติดตามอ่านต่อไป ควรเขียนให้กระชับ ตรงประเด็น ไม่ยืดเยื้อ ต้องเขียนให้สอดคล้องกับชื่อเรื่อง โดยจับประเด็นจากชื่อเรื่องและนำเรื่องเข้าสู่บริบท
               2.5 วิธีการศึกษา (Methods)
               เขียนชี้แจงแยกเป็น 2 หัวข้อใหญ่ คือ กลุ่มตัวอย่างและวิธีการศึกษา
               (1) หัวข้อกลุ่มตัวอย่างให้บอกรายละเอียดของสิ่งนำมาศึกษา อาทิ ผู้ป่วย คนปรกติ สัตว์ พืช ฯลฯรวมถึงจำนวนและลักษณะเฉพาะของตัวอย่างที่ศึกษา เช่น เพศ อายุ น้ำหนัก ฯลฯ ต้องบอกถึงการอนุญาตจากผู้ที่เข้ารับการศึกษา และ การยอมรับจากคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมในการศึกษาสิ่งมีชีวิต ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการศึกษา
               (2) หัวข้อวิธีการศึกษา เริ่มด้วยรูปแบบ แผนการศึกษา (Study design, Protocol) เช่น Randomized double blind, Descriptive หรือ Quasi-experiment การสุ่มตัวอย่าง เช่น การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย แบบหลายขั้นตอน เป็นต้น วิธีหรือมาตรการที่ใช้ศึกษา (Interventions) เช่น รูปแบบการศึกษา การรักษา ชนิดและขนาดของยาที่ใช้ ถ้าเป็นมาตรการที่รู้จักทั่วไปให้ระบุ ในเอกสารอ้างอิงถ้าเป็นวิธีใหม่ อธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจแล้วนำไปใช้ต่อได้ ให้ระบุเครื่องมือ/อุปกรณ์ และหลักการที่ใช้ในการศึกษาเชิงคุณภาพ/ปริมาณให้ชัดเจน และกระชับ เช่น แบบสอบถาม การทดสอบความน่าเชื่อถือ วิธีการเก็บข้อมูล วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล และสถิติที่ใช้ศึกษา
               2.6 ผลการศึกษา (Results)
               แสดงผลที่พบตามลำดับหัวข้อของแผนการศึกษาอย่างชัดเจน เข้าใจง่าย ถ้าผลไม่ซับซ้อนไม่มีตัวเลขมากบรรยายเป็นร้อยแก้ว แต่ถ้าตัวเลขมาก ตัวแปรมากควรใช้ตาราง หรือแผนภูมิโดยไม่ต้องอธิบายตัวเลขในตารางซ้ำอีกในเนื้อเรื่อง ยกเว้นข้อมูลสำคัญๆ อย่างจำกัด แปลความหมายของผลที่ค้นพบหรือวิเคราะห์และสรุปเปรียบเทียบกับสมมติฐานที่วางไว้
               2.7 วิจารณ์ผล (Discussion)
               ควรนำเสนอความคิดเห็นของผู้เขียน ด้วยการวิเคราะห์วิจารณ์ ข้อมูลเนื้อหาสาระ เป็นการริเริ่มสร้างสรรค์ของผู้เขียน การวิเคราะห์วิจารณ์อาจนำเสนอพร้อมกับการนำเสนอเนื้อหาสาระตามความเหมาะสมกับลักษณะเนื้อหาของเรื่อง
              2.8 สรุปผลการศึกษา (Conclusion)
              ผลที่ได้ตรงกับวัตถุประสงค์การวิจัยหรือไม่ ให้ข้อเสนอแนะที่นำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์หรือให้ประเด็นคำถามการวิจัยต่อข้อสรุปนั้น อาจใส่ไว้ในหัวข้อเดียวกันกับวิจารณ์ก็ได้
              2.9 ตาราง ภาพ และแผนภูมิ
              ควรแยกพิมพ์ต่างหากไม่ควรสอดแทรกไว้ในเนื้อเรื่อง แต่ในเนื้อเรื่องควรเว้นที่ว่างไว้พอเป็นที่เข้าใจพร้อมกับเขียนแจ้งไว้ในกรอบว่า ไว้เหนือตารางหรือรูปและแสดงลำดับของตาราง พร้อมแสดงชื่อของตารางและรูปนั้นๆ เช่น ตารางที่ 1 (ชื่อตาราง) หรือ รูปที่ 1 (ชื่อรูป)
               2.10 กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgments)
มีเพียงย่อหน้าเดียว แจ้งให้ทราบว่ามีการช่วยเหลือที่สำคัญจากที่ใดบ้าง เช่น ผู้บริหาร ผู้ช่วยเหลือทางเทคนิคบางอย่างและผู้สนับสนุนทุนการวิจัยเท่าที่จำเป็น
                2.11 เอกสารอ้างอิง (References)
                ศึกษาตามหัวข้อการเขียนเอกสารอ้างอิง