ประสบการณ์ 6 ปีในการดูแลผู้ป่วยที่มีความพิการแต่กำเนิด ชนิดหลอดประสาทไม่ปิดในโรงพยาบาลแม่สอด
คำสำคัญ:
myelomeningocele, hydrocephalus, temporary or permanent cerebrospinal fluid drainageบทคัดย่อ
ภูมิหลัง: Myelomeningocele เป็นความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดที่ยังเป็นปัญหาซึ่งพบในโรงพยาบาลแม่สอด มีความสำคัญตั้งแต่การป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยง การวินิจฉัยก่อนคลอด การรักษาภาวะแทรกซ้อน และการติดตาม ผลการรักษาระยะยาว ซึ่งสัมพันธ์กับ mortalities และmorbidities อย่างไรก็ตามโรงพยาบาลแม่สอดยังขาดข้อมูลเหล่านี้
วัตถุประสงค์: เพื่อหาปัจจัยเสี่ยงของ myelomeningocele ในบริบทของโรงพยาบาลแม่สอด โดยทำการศึกษาตั้งแต่การฝากครรภ์และการวินิจฉัยก่อนการคลอด การดูแลระหว่างคลอด การรักษาโดยการผ่าตัด รวมถึงการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ผลการรักษาระยะยาว ทั้งนี้เพื่อหาแนวทางการดูแลที่เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดภาวะทุพพลภาพน้อยที่สุดและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาแบบ retrospective study ทบทวนจากเวชระเบียนของผู้ป่วย myelomeningocele ที่มารับการรักษาที่ รพ. แม่สอด ตั้งแต่ พ.ศ. 2558- 2563 ระหว่างเดือนมกราคม 2558 ถึงเดือนธันวาคม 2563 มีผู้ป่วย myelomeningocele 8 ราย พบว่าเป็นเพศชาย 7 ราย (87.5%) และเพศหญิง 1 ราย (12.5%) ระดับของรอยโรคที่พบมากที่สุด คือ lumbosacral 4 ราย (50%) ทุกรายมาด้วยเรื่องก้อนที่หลัง มี 7 ราย (87.5%) วินิจฉัย เป็น ruptured type ความผิดปกติที่พบร่วมและภาวะแทรกซ้อนที่พบมากที่สุด คือ ภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ (hydrocephalus) 7 ราย คิดเป็น 87.5 % โดย 6 ราย (75%) ได้รับการผ่าตัดใส่อุปกรณ์ท่อระบายน้ำในโพรงสมองแบบถาวร (ventriculoperitoneal shunt) อีก 1 ราย ภาวะโพรงสมองคั่งน้ำหายไปได้เอง (compensated hydrocephalus) ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดด้วยวิธีต่าง ๆ ปัจจัยที่มีผลต่อการรักษาและพยากรณ์โรค ได้แก่ น้ำหนักตัว ระยะเวลาตั้งแต่คลอดจนได้รับการรักษา ความรุนแรงของภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ การให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการจัดอยู่ในกลุ่ม ruptured หรือ unruptured type
สรุป: Myelomeningocele เป็นโรคที่สามารถป้องกัน รักษา และลดภาวะแทรกซ้อนได้ การซักประวัติ การบันทึกเวชระเบียนที่สมบูรณ์ สามารถวิเคราะห์ให้เห็นภาพรวมของผู้ป่วยเหล่านี้ได้ และเนื่องจากพบภาวะแทรกซ้อนในหลายระบบ การที่สามารถวางแนวทางในการจัดตั้งคลินิกสหเวชในการดูแลผู้ป่วย ทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก จะทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้รับการรักษาที่ครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
Downloads
เอกสารอ้างอิง
Zaganjor I, Sekkarie A, Tsang BL, Williams J, Razzaghi H, Mulinare J, et al. Describing the prevalence of neural tube defects worldwide: a systematic literature review. PloS one. 2016;11(4):e0151586.
Hankinson CT. Myelomeningocele and Myelocystocele. In: Winn HR, editor. Youmans Neurological Surgery EBook: Elsevier Health Sciences; 2011:2199-208.
Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Data & Statistics on Spina Bifida 2020 [updated September 3, 2020. Available from: https://www.cdc.gov/ncbddd/spinabifida/data.html.
Birnbacher R, Messerschmidt AM, Pollak AP. Diagnosis and prevention of neural tube defects. Curr Opin Urol. 2002;12(6):461-4.
Alexander MA, Steg NL. Myelomeningocele: comprehensive treatment. Arch Phys Med Rehabil. 1989 Aug;70(8):637-41.
Wasant P, Sathienkijkanchai A. Neural tube defects at Siriraj Hospital, Bangkok, Thailand-10 years review (1990–1999). J Med Assoc Thai. 2005;88(Suppl 8):S92e9.
George TM, Fagan LH. Adult tethered cord syndrome in patients with postrepair myelomeningocele: an evidence-based outcome study. J Neurosurg. 2005 Mar;102(2 Suppl):150-6.
Akalan N. Myelomeningocele (open spina bifida)- surgical management. Adv Tech Stand Neurosurg. 2011;(37):113-41.
Elgamal EA. Natural history of hydrocephalus in children with spinal open neural tube defect. Surg Neurol Int. 2012;3:112.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
##default.contextSettings.thaijo.licenseTerms##