การสอบสวนการระบาดของโรคชิคุนกุนยาในจังหวัดสุพรรณบุรี ระหว่างเดือนเมษายน–ตุลาคม 2563
คำสำคัญ:
ชิคุนกุนยา, ECSA, มาตรการป้องกันควบคุมโรค, อัตราการติดเชื้อในบ้าน, ระบบเฝ้าระวังเฉพาะกิจบทคัดย่อ
ความเป็นมา: วันที่ 1 สิงหาคม 2563 กองระบาดวิทยาได้รับแจ้งจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สุพรรณบุรีว่าพบผู้ป่วยสงสัยโรคชิคุนกุนยามากกว่า 300 ราย ในจังหวัด ทีมสอบสวนโรคร่วมดำเนินการสอบสวน ระหว่างวันที่ 3–7 สิงหาคม 2563 เพื่อยืนยันการวินิจฉัย และการระบาดของโรคชิคุนกุนยา อธิบายลักษณะทางระบาดวิทยาของการระบาด ศึกษาการปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังควบคุมโรคในกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าของคลินิก/ร้านขายยา
วิธีการศึกษา: ทำการศึกษาระบาดวิทยาเชิงพรรณนา ทบทวนสถานการณ์จาก รง. 506 ทบทวนเวชระเบียนในโรงพยาบาล ค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมในชุมชน โดยกำหนดนิยาม ผู้ป่วยสงสัย หมายถึง ผู้ที่มีอาการไข้ และปวดข้อ ร่วมกับมีอาการอย่างน้อย 1 อาการ คือ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา มีผื่นขึ้นตามตัว และผู้ป่วยยืนยัน หมายถึง ผู้ที่มีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันการติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา ศึกษาอัตราการติดเชื้อภายในบ้าน ศึกษาสายพันธุ์ของเชื้อไวรัส สำรวจสภาพแวดล้อม สำรวจลูกน้ำยุงลาย เก็บตัวอย่างยุงเพื่อศึกษาชนิดของยุงและอัตราการเคยวางไข่ และสัมภาษณ์ อสม. เจ้าของคลินิก/ร้านขายยา เกี่ยวกับมาตรการป้องกันควบคุมโรคติดต่อนำโดยยุงลายและระบบเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงสูง
ผลการศึกษา: ยืนยันการระบาดของโรคชิคุนกุนยาในจังหวัดสุพรรณบุรี ระหว่างวันที่ 1 เมษายน–5 ตุลาคม 2563 พบผู้ป่วยทั้งสิ้น 670 ราย เพศหญิงร้อยละ 53 พบอัตราป่วยสูงสุดในกลุ่มอายุ 10–14 ปี (189 คน ต่อประชากรแสนคน) อำเภอด่านช้างมีอัตราป่วยสูงสุด 764 คนต่อประชากรแสนคน คนไข้ร้อยละ 55 รับการรักษาที่คลินิก/ร้านขายยาเป็นที่แรก ร้อยละ 42 ของบ้านที่พบผู้ป่วย (มีผู้อยู่อาศัยตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป) มีอัตราการติดเชื้ออยู่ระหว่างร้อยละ 75–100 ตรวจพบเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา สายพันธุ์ East Central South African (ECSA) และไม่พบการกลายพันธุ์ หลังดำเนินมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มข้นในพื้นที่เสี่ยงสูง 28 วัน พบว่าค่าดัชนีลูกน้ำ House Index, Container Index ลดลง และจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ลดลง โดย อสม. มากกว่าร้อยละ 65 ใส่ทรายเทมีฟอสไม่ถูกต้อง และ ร้อยละ 65 ของเจ้าของคลินิก/ร้านขายยา ไม่ทราบว่ามีระบบเฝ้าระวังโรคชิคุนกุนยาที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดในพื้นที่
สรุปและวิจารณ์ผล: การระบาดครั้งนี้เป็นการระบาดใหญ่ครั้งแรกของโรคชิคุนกุนยาในจังหวัดสุพรรณบุรี อัตราป่วยรวมทั้งจังหวัดมากเป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย เกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน ผู้ป่วยส่วนมากอยู่ในวัยเด็กและวัยรุ่น ส่วนมากมีอัตราการติดเชื้อภายในบ้านมากกว่าร้อยละ 75 ผู้ป่วยมากกว่าครึ่งเข้ารับการรักษาที่คลินิก/ร้านขายยาเป็นที่แรก จึงควรเพิ่มการประชาสัมพันธ์การจัดตั้งระบบเฝ้าระวังให้เข้าถึงคลินิก/ร้านขายยาให้ดียิ่งขึ้น และควรให้ความรู้แก่ อสม. เกี่ยวกับการใช้ทรายเทมีฟอสที่ถูกต้อง พร้อมทั้งติดตามประเมินผลความรู้ความเข้าใจ โดยเฉพาะในช่วงก่อนหน้าฝนที่จะมีการระบาดของโรคชิคุนกุนยา
References
สุภาวดี พวงสมบัติ, ณัฏฐิภรณ์ เพทวิลัย, ธีราวดี กอพยัคฆินทร์. แนวทางการวินิจฉัย ดูแลรักษา ผู้ป่วยโรคไข้ปวดข้อยุงลาย พ.ศ. 2563. นนทบุรี: กองโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข; 2563.
Sam I-C, Loong S-K, Michael JC, Chua C-L, Yusoff W, Sulaiman W, et al. Genotypic and Phenotypic Characterization of Chikungunya Virus of Different Genotypes from Malaysia. PLoS One. 2012;7(11):e50476. doi:10.1371/journal.pone.0050476
Koukeo Phommasone, Phonepasith Panyanivong, et al. Chikungunya Outbreak in Bueng Kan Province, Thailand, 2013. CDC EID. 2014;20(8):8–10.
Thaikruea L, Thammapalo S, Prikchoo P, Binnisoh R, Klangvang N. Epidemic of New Chikungunya Viral Genotype and Clinical Manifestations in Thailand, 2008-2009. Chiang Mai Med J. 2011;50(1):2,5.
กองโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค. มาตรการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคติดต่อนำโดยยุงลาย. นนทบุรี: กรมควบคุมโรค; มิถุนายน 2563.
World Health Organization Regional Office for South-East Asia. Guidelines for Prevention & Control of Chikungunya Fever. New Delhi: World Health Organization: 2009.
Nitatpattana N, Kanjanopas K, Yoksan S, Satimai W, Vongba N, Langdatsuwan S, et al. Long-term persistence of Chikungunya virus neutralizing antibodies in human populations of North Eastern Thailand. Virol J. 2014;11:183. doi: 10.1186/1743-422X-11-183.
กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค. Chikungunya ระบบรายงานการเฝ้าระวังโรค 506 [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 17 พฤษภาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก : http://doe.moph.go.th/surdata/disease.php?ds=84
Thaikruea L, Thammapalo S, Prikchoo P, Binnisoh R, Klangvang N. Epidemic of New Chikungunya Viral Genotype and Clinical Manifestations in Thailand, 2008-2009. Chiang Mai Med J. 2011;50(1):2,5.
Pulmanausahakul R, Roytrakul S, Auewarakul P, Smith DR. International Journal of Infectious Diseases Chikungunya in Southeast Asia: understanding the emergence and finding solutions. Int J Infect Dis [Internet]. 2011;15(10):e671–6. doi: 10.1016/j.ijid.2011. 06.002.
จักรพงษ์ เก็งแจ้ง, จิรวรรณ ทวีเขตกรณ์. การสอบสวนการระบาดของโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี. อุทัยธานี: ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลง 3.2 นครสวรรค์; เมษายน 2563.
โชคชัย สาครพานิช, ทรงวิทย์ ภิรมย์ภักดิ์, สุพจน์ รัตนเพียร, เสาวลักษณ์ ชูบางบ่อ, ราตรี ถนอมวงศ์, อลงกรณ์ อำพรรณ และคณะ. การระบาดของโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ตำบลท่าโสม อำเภอเขขาสมิง จังหวัดตราด สิงหาคม 2552. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์. 2552;41(12):180–4.
รจนา วัณนรังสรรค์ วรสิทธิ์ ศรศรีวิชัย, สุวิช ธรรมปาโล, สุวัฒน์ วิริยพงษ์สุกิจ, สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ, กาญจนา ชูหวาน และคณะ. ปัจจัยเสี่ยงต่อการป่วยโรคชิคุนกุนยา อำเภอเทพา และอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา มีนาคม–เมษายน 2552. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์. 2552;41(3):36–41.
Wiwanitkit S, Wiwanitkit V. Short Communication Ckikungunya Virus Infection and Relationship to Rainfall, the Rela- tionship Study from Southern Thailand. J Arthropod bourn disease 2013. 185–7.
ณัฐธกูล ไชยสงคราม, ศุภกฤต ธนาจิรศักดิ์, ณัฐพล หอมหวล, สหภาพ พูลเกษร, สิริลักษณ์ รังษีวงศ์, สุภาวดี พวงสมบัติ และคณะ. การสอบสวนการระบาดของโรคชิคุนกุนยาในจังหวัดสตูล เดือนพฤษภาคม-กันยายน 2561. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์. 2562; 50(34): 505–13.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2022 รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับ WESR ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน WESR ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงบทความนั้น ๆ