การสำรวจความชุกของภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเด็งกี่ของประชากรในจังหวัดระยอง ประเทศไทย

ผู้แต่ง

  • โรม บัวทอง สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
  • โสภณ เอี่ยมศิริถาวร สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

คำสำคัญ:

ไวรัสเด็งกี่, ความชุก, ภูมิคุ้มกัน, นักเรียน, ประเทศไทย

บทคัดย่อ

ความเป็นมา: โรคติดเชื้อไวรัสเด็งกี่เป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทยมานานกว่า 50 ปี โดยประชากรเด็กเป็นโรคติดเชื้อเด็งกี่ มากกว่าประชากรผู้ใหญ่ แม้ว่าอุบัติการณ์ของโรคติดเชื้อเด็งกี่ในประเทศไทยยังคงสูงลอยมาต่อเนื่องและไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง แต่กลับพบว่าอายุเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดทุกปี และยังไม่มีคําตอบที่แน่ชัด
วิธีการศึกษา: การสํารวจความชุกของการติดเชื้อไวรัสเด็งกี่ในน้ำเหลืองครั้งนี้ เป็นการสํารวจเด็กนักเรียนในพื้นที่อำเภอเมืองของจังหวัดระยอง โดยทำการเจาะเลือดเด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และนําน้ำเหลืองมาตรวจโดยวิธี Single dilution neutralization testing (SDNT) ซึ่งสามารถแยกการติดเชื้อชนิดปฐมภูมิ และทุติยภูมิ นอกจากนี้ยังนำผลลัพธ์ที่ได้ไปเปรียบเทียบกับ การศึกษาในอดีตที่ทำการวิจัยแบบเดียวกันในจังหวัดระยอง ในปี พ.ศ. 2523 รวมทั้งการศึกษาหาปัจจัยเสี่ยงของเด็กที่มีภูมิคุ้มกันของ ไวรัสเด็งกี่เปรียบเทียบกับเด็กที่ไม่มีภูมิของไวรัสเด็งกี่
ผลการศึกษา: มีเด็กทั้งหมด 1,811 คนที่เข้าร่วมโครงการและได้รับการเจาะเลือดจาก 90 ห้องเรียนใน 25 โรงเรียน โดยมีผลการตอบ รับเข้าร่วมโครงการร้อยละ 53 โดยเด็กนักเรียนมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเด็งกี่อย่างน้อยหนึ่งชนิดร้อยละ 69 และมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเจอีร้อยละ 46 เมื่อเปรียบผลความชุกของภูมิคุ้มกันในปี พ.ศ. 2523 และ ปี พ.ศ. 2553 พบว่าเด็กอายุ 11 ปี ในปี พ.ศ. 2523 มีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเด็งกี่ร้อยละ 96 และเด็กอายุ 11 ปี ในปี พ.ศ. 2553 มีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเด็งกี่ลดลงมากเพียงร้อยละ 74 (95% CI 61-87%) และ เด็กอายุ 18 ปี ในปี พ.ศ. 2553 ร้อยละ 16 (95%CI 0-32%) ยังคงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเด็งกี่ ส่วนปัจจัยที่ผลต่อการมีผลบวก ต่อภูมิคุ้มกันของไวรัส ได้แก่ อายุที่เพิ่มขึ้น (OR 1.16, 95%CI 1.10, 1.23) การเรียนพื้นที่อุตสาหกรรมมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น (OR 3.17, 95%CI 1.51, 6.67) และเด็กที่ครอบครัวมีเศรษฐานะที่ดี เช่น การมีรถยนต์ เป็นปัจจัยป้องกันต่อการติดเชื้อเด็งกี่ (OR 0.48, 95%CI 0.22, 1.02)
อภิปรายผล: จากผลการศึกษาในครั้งนี้สรุปได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงและแตกต่างของการมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเด็งกี่ ระหว่างปี พ.ศ. 2523 และ ปี พ.ศ. 2553 โดยพบว่าเด็กในปี พ.ศ. 2553 มีภูมิคุ้มกันของไวรัสเด็งกี่ลดลง หรือติดเชื้อไวรัสเด็งกี่ที่อายุเพิ่มขึ้น ทั้งนี้มีหลายปัจจัย ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ การที่ประชากรเด็กได้รับการป้องกันการติดเชื้อได้ดีขึ้น โดยมีการควบคุมยุงนําโรคที่ดี ทำให้การแพร่ เชื้อของไวรัสเด็งกี่ลดลง

References

Kongsomboon K, Singhasivanon P, Kaewkungwal J, Nimmannitya S, Mammen MP, et al. Temporal trends of dengue fever/dengue hemorrhagic fever in Bangkok, Thailand from 1981 to 2000: an age-period-cohort analysis. Southeast Asian J Trop Med Public Health. 2004; 35: 913–7.

Halstead SB. More dengue, more questions. Emerging Infect Dis. 2005; 11: 740–1.

Cummings DAT, Iamsirithaworn S, Lessler JT, McDermott A, Prasanthong R, et al. The impact of the demographic transition on dengue in Thailand: insights from a statistical analysis and mathematical modeling. PLoS Med. 2009; 6: e1000139. doi:10.1371/journal.pmed.1000139.

Karyanti MR, Uiterwaal CSPM, Kusriastuti R, et al. The changing incidence of Dengue Haemorrhagic Fever in Indonesia: a 45- year registry-based analysis. BMC Infectious Diseases. 2014;14:412. doi:10.1186/1471-2334-14-412.

Thai KTD, Binh TQ, Giao PT, Phuong HL, Hung LQ, et al. Seroprevalence of dengue antibodies, annual incidence and risk factors among children in southern Vietnam. Trop Med Int Health. 2005; 10: 379–86. doi:10.1111/j.1365-3156.2005.01388.x.

Grenfell BT, Anderson RM. The estimation of age-related rates of infection from case notifications and serological data. J Hyg (Lond). 1985; 95: 419–36.

Gubler DJ. Dengue and dengue hemorrhagic fever. Clin Microbiol Rev. 1998. 11: 480–96.

Halstead SB. Immune enhancement of viral infection. Prog Allergy. 1982; 31: 301–64.

Burke DS, Nisalak A, Johnson DE, Scott RM (1988) A prospective study of dengue infections in Bangkok. Am J Trop Med Hyg 38: 172–80.

Endy TP, Anderson KB, Nisalak A, Yoon I-K, Green S, et al. (2011) Determinants of inapparent and symptomatic dengue infection in a prospective study of primary school children in Kamphaeng Phet, Thailand. PLoS Negl Trop Dis 5: e975. doi:10.1371/journal.pntd.0000975.

Balmaseda A, Standish K, Mercado JC, Matute JC, Tellez Y, et al. Trends in patterns of dengue transmission over 4 years in a pediatric cohort study in Nicaragua. J Infect Dis. 2010 Jan 1;201(1):5-14. doi:10.1086/648592.

Sangkawibha N, Rojanasuphot S, Ahandrik S, Viriyapongse S, Jatanasen S, et al. Risk factors in dengue shock syndrome: a prospective epidemiologic study in Rayong, Thailand. I. The 1980 outbreak. Am J Epidemiol. 1984; 120: 653–69.

Department of provincial administration. Population of Mueang district, Rayong, 2010. [cited 4 January 2012]. Available from: http://service.nso.go.th/nso/nsopublish/districtList/S010107/th/13.htm

Rodríguez-Barraquer I, Buathong R, Iamsirithaworn S, et al. Revisiting Rayong: Shifting Seroprofiles of Dengue in Thailand and Their Implications for Transmission and Control. American Journal of Epidemiology. 2014;179(3):353-60. doi:10.1093/aje/kwt256.

Nagao Y, Tawatsin A, Thammapalo S, Thavara U. Geographical gradient of mean age of dengue haemorrhagic fever patients in northern Thailand. Epidemiol Infect. 2011: 1–12. doi:10.1017/S0950268811000653.

Sangkawibha N. Completion Report of the WHO collaborative research project: A prospective epidemiological study of dengue haemorrhagic fecer in Thailand, 1980-1984. Bangkok: Department of Medical Science, Ministry of Public Health. 1986.

National Statistical Office, Statistical Yearbook, Thailand. 2010 [cited June 2014]. Bangkok. Available from: http://www.nso.go.th/sites/2014/Pages/e-Book/รายงานสถิติรายปี.aspx

National Statistical office, Thailand. Population and Housing Census, 2010. 2010 [cited June 2014]. Bangkok. Available from: http://service.nso.go.th/nso/nsopublish/pubs/e-book/SYB-2553/index.html

Roehrig JT, Hombach J, Barrett ADT. Guidelines for Plaque-Reduction Neutralization Testing of Human Antibodies to Dengue Viruses. Viral Immunology. 2008; 21: 123–32. doi:10.1089/vim.2008.0007.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2024-04-27

How to Cite

บัวทอง โ., & เอี่ยมศิริถาวร โ. (2024). การสำรวจความชุกของภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเด็งกี่ของประชากรในจังหวัดระยอง ประเทศไทย. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์, 49(29), 449–456. สืบค้น จาก https://he05.tci-thaijo.org/index.php/WESR/article/view/1407