การสอบสวนโรคไอกรนในชุมชนเอื้ออาทรแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร วันที่ 23 พฤษภาคม–7 มิถุนายน 2560
คำสำคัญ:
โรคไอกรน, การระบาด, ทารก, กรุงเทพมหานครบทคัดย่อ
ความเป็นมา: วันที่ 23 พฤษภาคม 2560 ทีมสอบสวนโรคศูนย์บริการสาธารณสุข 50 ได้รับแจ้งจากกองควบคุมโรคติดต่อ สำนักอนามัยกรุงเทพมหานครว่า พบผู้ป่วยโรคไอกรน 1 ราย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง สังกัดกรุงเทพมหานคร ทีมสอบสวนโรค ศูนย์บริการสาธารณสุข 50 จึงร่วมกับทีมสอบสวน โรคศูนย์บริการสาธารณสุข 62 สอบสวนโรคระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม–7 มิถุนายน 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและการระบาดประเมินขอบเขตการระบาด ค้นหาแหล่งรังโรค และเพื่อกำหนดมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรค
วิธีการศึกษา: ศึกษาระบาดวิทยาเชิงพรรณนา โดยศึกษาและ รวบรวมข้อมูลผู้ป่วย ข้อมูลเวชระเบียน ข้อมูลการเจ็บป่วยของบุคคลในครอบครัว สํารวจประวัติการได้รับวัคซีน และค้นหาผู้ป่วย เพิ่มเติมโดยกำหนดนิยามผู้ป่วยดังนี้ ผู้ป่วยสงสัย หมายถึง ผู้ป่วยที่มีอาการ 2 ใน 3 อาการดังต่อไปนี้ ไข้ ไอ มีเสียงหายใจเข้าดังวู้บหลังหรือระหว่างอาการไอ ระหว่างวันที่ 24 เมษายน–7 มิถุนายน 2560 และอาศัยอยู่ในอาคารเดียวกับผู้ป่วยในชุมชนเอื้ออาทร ผู้ป่วยเข้าข่าย หมายถึง ผู้ป่วยที่มีอาการทางเดินหายใจส่วนบนที่มีประวัติเชื่อมโยงทางระบาดวิทยากับผู้ป่วยยืนยัน ผู้ป่วยยืนยัน หมายถึง ผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้กับนิยามผู้ป่วยสงสัยและมีผลยืนยัน จากการตรวจ nasopharyngeal swab เป็นบวกโดยวิธี Reverse transcription polymerase chain reaction (RT-PCR) for pertussis
ผลการสอบสวน: พบผู้ป่วยยืนยัน 1 ราย อายุ 28 วัน เป็นทารกเพศหญิงไทย เริ่มป่วยวันที่ 15 พฤษภาคม 2560 เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลระหว่างวันที่ 21 พฤษภาคม–5 มิถุนายน 2560 โดยมีอาการไอ อาเจียนหลังไอ และหายใจมีเสียงวู้ป ผลการตรวจพบเม็ด เลือดขาว 38,110 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร โดยเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซด์ร้อยละ 56 และผลการตรวจ nasopharyngeal swab โดยวิธี RT-PCR for pertussis เป็นบวก เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2560 ค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมในครอบครัว พบทุกคนมีอาการไอคล้ายไข้หวัด แต่ผลการตรวจ nasopharyngeal swab โดยวิธี RT-PCR for pertussis เป็นลบทั้งหมด สมาชิกในครอบครัวทุกคนและผู้สัมผัสผู้ป่วยที่เป็นบุคลากรในโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งได้รับยา Azithromycin รับประทานเวลา 5 วัน เพื่อเป็นการป้องกันหลังสัมผัสโรค 30 ราย จากการเฝ้าระวังโรคเป็นเวลา 21 วัน ไม่พบผู้ป่วยเพิ่มเติม
สรุปและวิจารณ์ผล: พบผู้ป่วยยืนยันโรคไอกรน 1 ราย เป็นการยืนยันการระบาดเนื่องจากเป็นรายแรกในชุมชน โดยมีปัจจัยเสี่ยง คือ ผู้ป่วยยังมีอายุไม่ถึงเกณฑ์ที่จะรับวัคซีน และคาดว่าน่าจะได้รับเชื้อมาจากสมาชิกในครอบครัว ได้ดำเนินการควบคุมป้องกันโรค โดยการให้ความรู้เรื่องโรคไอกรน การให้ยาหลังสัมผัสผู้ป่วย รวมถึงการสํารวจความครอบคลุมของวัคซีนไอกรนในชุมชน และให้วัคซีนแบบเก็บตกในเด็ก
References
สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. นิยาม โรคติดเชื้อประเทศไทย 2546. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์; 2546. หน้า 40-1.
สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. ไอกรน (อินเตอร์เน็ต). 2560 [เข้าถึงวันที่ 29 พ.ค. 2560]. เข้าถึงได้จาก http://www.thaigcd.ddc.moph.go.th/knowledges/view/30
American Academy of Pediatrics. Pertussis. Red Book: 2015 Report of the Committee on Infectious Diseases. 30th ed. Elk Grove Village, IL: American Academy of Pediatrics; 2015: 553-66.
สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข. ข้อมูลรายงานการเฝ้า ระวังโรคไอกรน (อินเตอร์เน็ต). 2560 [เข้าถึงวันที่ 29 พ.ค. 2560]. เข้าถึงได้จาก http://www.boe.moph.go.th/boedb/d506_1/ds_wk2pdf.php?ds=24&yr=60
กลุ่มงานระบาดวิทยา กองควบคุมโรคติดต่อ สํานักอนามัย กรุงเทพมหานคร. รายงานสถานการณ์โรคไอกรน ใน กรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 23 พฤษภาคม 2560 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–23 พฤษภาคม 2560.
สุภาพร ธนกรสิริเลิศ, แก้วกาญจน์ ทาแท่งทอง. การสอบสวนโรค ไอกรนในค่ายคนงานก่อสร้างบ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร วันที่ 12-26 กุมภาพันธ์ 2556. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์. 2557; 45: 81-5.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2018 รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับ WESR ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน WESR ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงบทความนั้น ๆ