การสอบสวนการระบาดของโรคชิคุนกุนยาในจังหวัดสตูล เดือนพฤษภาคม-กันยายน 2561

ผู้แต่ง

  • ณัฐธกูล ไชยสงคราม สำนักระบาดวิทยา
  • ศุภกฤต ธนาจิรศักดิ์ สำนักระบาดวิทยา
  • ณัฐพล หอมหวล สำนักระบาดวิทยา
  • สหภาพ พูลเกษร สำนักระบาดวิทยา
  • สิริลักษณ์ รังษีวงศ์ สำนักระบาดวิทยา
  • สุภาวดี พวงสมบัติ สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง
  • ชุติสุดา เนติกุล สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง
  • สุรวดี กิจการ สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง
  • สาธิต นามวิชา สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม
  • สวรรยา จันทูตานนท์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12
  • อาซิป อูเช็ง สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12
  • อรนุช นรารักษ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล
  • สุทธิมาส บินสะอาด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล
  • ยูนุส มานะกล้า โรงพยาบาลสตูล
  • ภันทิลา ทวีวิกยการ สำนักระบาดวิทยา
  • ชุลีพร จิระพงษา สํานักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9
  • ดารินทร์ อารีย์โชคชัย สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง

คำสำคัญ:

การระบาด, ชิคุนกุนยา, สตูล

บทคัดย่อ

ความเป็นมา: วันที่ 26 กรกฎาคม 2561 ทีมตระหนักรู้สถานการณ์ได้รับแจ้งว่าพบผู้ป่วยยืนยันโรคชิคุนกุนยา 30 ราย ภายในระยะเวลา 1 เดือน ที่อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล สำนักระบาดวิทยา สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล ร่วมสอบสวนเพื่อหาปัจจัยของการระบาดและควบคุมโรคระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม–28 กันยายน 2561
วิธีการศึกษา: ศึกษาระบาดวิทยาเชิงพรรณนา ค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม ในโรงพยาบาล คลินิก และร้านขายยา โดยกำหนดนิยามผู้ป่วยสงสัย หมายถึง ผู้ที่มีไข้ร่วมกับมีอาการปวดข้อหรือข้อบวม และมีอาการ อย่างน้อยหนึ่งอาการ คือ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา มีผื่น ผู้ป่วยยืนยัน หมายถึง ผู้ป่วยซึ่งมีอาการโรคชิคุนกุนยาและมีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการพบหลักฐานการติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา นอกจากนี้หมู่บ้านซึ่งพบผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยาติดต่อกันในระยะเวลา 4 สัปดาห์ได้ถูกกําหนดให้เป็นพื้นที่เสี่ยงสูง และได้เก็บตัวอย่างยุงจาก หมู่บ้านที่มีการระบาดและยังพบผู้ป่วยในเดือนสิงหาคม เพื่อแยกชนิด ของยุงและตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัสชิคุนกุนยา
ผลการศึกษา: ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม–28 กันยายน 2561 พบผู้ป่วยตามนิยามทั้งหมด 513 คน ในจํานวนนี้เป็นผู้ป่วยยืนยัน 30 คน อัตราป่วย 160 คนต่อแสนประชากร มัธยฐานอายุของผู้ป่วย เท่ากับ 28 ปี อัตราป่วยสูงสุดอาชีพนักเรียนและนักศึกษาอัตราป่วยสูงใน 2 อำเภอ คือ เมืองสตูลและควนโดน จากการประเมิน พบ 12 หมู่บ้านเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงต่อการแพร่กระจายของโรคและ ค่ามัธยฐานของดัชนีลูกน้ำยุงลายในบ้านของหมู่บ้านที่เป็นพื้นที่เสี่ยงสูงก่อนดำเนินมาตรการควบคุมโรคเท่ากับ 9.3 และหลังดำเนินมาตรการควบคุมโรคเท่ากับ 5.7 และจากการเก็บตัวอย่างยุง ทั้งในบ้านและนอกบ้านทั้งหมด 72 ตัว ตรวจพบสารพันธุกรรมของ ไวรัสชิคุนกุนยาในยุงชนิด Aedes aegypti ที่จับได้จากในบ้าน
สรุปและวิจารณ์ผล: อุบัติการณ์ของโรคสูงในกลุ่มวัยเด็กและวัยรุ่น การกำหนดพื้นที่เสี่ยงสูงเพื่อการควบคุมโรคและการกําจัดยุงและ ลูกน้ำยุงลายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ลดลง และควรสนับสนุนให้มีการกำจัดยุงลายในบ้านร่วมกับ มาตรการอื่นเพื่อช่วยให้การควบคุมโรคมีประสิทธิภาพ

References

World Health Organization. Guidelines for Prevention & Control of Chikungunya Fever. India: World Health Organization, Reginal Office for SouthEast Asia; 2009.

อนุตรศักดิ์ รัชตทัต, ธราวิทย์ อุปพงษ์, นฤมล สวรรค์ปัญญา เลิศ, ตวงพร ศรีสวัสดิ์. โรคไข้ปวดข้อยุงลาย (Chikungunya fever). นนทบุรี: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่ง ประเทศไทย; 2552.

Contopoulos-Ioannidis D, Newman-Lindsay S, Chow C, LaBeaud AD. Mother-to-child transmission of Chikungunya virus: A systematic review and metaanalysis. PLoS Negl Trop Dis. 2018;12 (6):e0006510.

Ramful D, Carbonnier M, Pasquet M, Bouhmani B, Ghazouani J, Noormahomed T, et al. Mother-to-child transmission of Chikungunya virus infection. The Pediatric infectious disease journal. 2007;26(9):811-5.

Bureau of Epidemiology 5 0 6 Surveillance Report [Internet]. Bureau of Epidemiology. 2018 [cited October 9]. Available from: http://www.boe.moph.go.th/boedb/d506_1/ds.php.

Outbreak Verification [Internet]. Bureau of Epidemiology. 2018 [cited October 08] . Available from: www.boeeoc.moph.go.th/eventbase.

Balasubramaniam SM, Krishnakumar J, Stephen T, Gaur R, Appavoo N. Prevalence of chikungunya in urban field practice area of a private medical college, chennai. Indian journal of community medicine : official publication of Indian Association of Preventive & Social Medicine. 2011;36 (2):124-7.

Patcharaporn D, Ekkaphob L. Report of Chikungunya Outbreak in village No.4 and No.7, Koh Sathon SubDistrict, and village No.1 , Chehe Sub-District, Takbai District, Narathiwat, From 6 Febuary to 17 April, 2018. [ Field Epidemiology and Management Training Programme 2017-2018]. In press 2018.

Vijayakumar KP, Nair Anish TS, George B, Lawrence T, Muthukkutty SC, Ramachandran R. Clinical Profile of Chikungunya Patients during the Epidemic of 2007 in Kerala, India. Journal of global infectious diseases. 2011;3 (3):221-6.

Dieng H, Saifur RG, Hassan AA, Salmah MR, Boots M, Satho T, et al. Indoor-breeding of Aedes albopictus in northern peninsular Malaysia and its potential epidemiological implications. PLoS One. 2010;5(7): e11790.

Centers for Disease Control and Prevention. Chikungunya: Vector Surveillance and Control in the United States United State: Division of Vector Borne Disease. 2015 [updated 2017; cited 2018 September 28]. Available from: https://www.cdc.gov/chikungunya/pdfs/FINAL-CHIKV-Vector-Surveillance-ControlUS05152015.pdf.

Centers for Disease Contro l and Prevention. Surveillance and Control of Aedes aegypti and Aedes albopictus in the United States Atlanta United State2015 [updated August 30, 2016; cited 2018 September 28]. Available from: https://www.cdc.gov/chikungunya/pdfs/Surveillance-and-Control-ofAedes-aegypti-and-Aedes-albopictus-US.pdf.

Mavale M, Sudeep A, Gokhale M, Hundekar S, Parashar D, Ghodke Y, et al. Persistence of Viral RNA in Chikungunya Virus-Infected Aedes aegypti (Diptera: Culicidae) Mosquitoes after Prolonged Storage at 28 C. The American Journal of Tropical Medicine and Hygiene. 2012;86 (1):178-80.

Pisittawoot A, Thonchai L, Suwit T, Jariya N, Sawanya J, Sulapee A. Risk factors and Chikungunya viral serosurvey in a village, Yi-gno District, Narathiwat Province October 2008. In: Bereau of Epidemiology, editor. Monday Meeting. Nonthaburi 2009.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2024-04-27

How to Cite

ไชยสงคราม ณ., ธนาจิรศักดิ์ ศ., หอมหวล ณ., พูลเกษร ส., รังษีวงศ์ ส., พวงสมบัติ ส., เนติกุล ช., กิจการ ส., นามวิชา ส., จันทูตานนท์ ส., อูเช็ง อ., นรารักษ์ อ., บินสะอาด ส., มานะกล้า ย., ทวีวิกยการ ภ., จิระพงษา ช., & อารีย์โชคชัย ด. (2024). การสอบสวนการระบาดของโรคชิคุนกุนยาในจังหวัดสตูล เดือนพฤษภาคม-กันยายน 2561. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์, 50(34), 505–513. สืบค้น จาก https://he05.tci-thaijo.org/index.php/WESR/article/view/1496