การประเมินระบบเฝ้าระวังโรคไข้มาลาเรีย จังหวัดนครราชสีมา ปี พ.ศ. 2560

ผู้แต่ง

  • ภาณุวัฒน์ มหรรณพนที โรงพยาบาลหนองบุญมาก
  • ทิพวรรณ ศรีทรมาศ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา

คำสำคัญ:

ไข้มาลาเรีย, รายงาน 506, ประเมินระบบเฝ้าระวังโรค, จังหวัดนครราชสีมา

บทคัดย่อ

ความเป็นมา: โรคไข้มาลาเรียเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของจังหวัดนครราชสีมา จากข้อมูลเฝ้าระวังโรคโดยรายงาน 506 (รง. 506) ของจังหวัดนครราชสีมาช่วงปี พ.ศ. 2555–2560 พบผู้ป่วยไข้มาลาเรียจำนวน 36, 22, 15, 38, 31 และ 27 รายตามลำดับ คิด เป็นอัตราป่วยเท่ากับ 1.4, 0.85, 0.58, 1.45, 1.18 และ 0.99 ต่อ ประชากรแสนคนตามลำดับ ผู้ศึกษาจึงทำการประเมินระบบการเฝ้าระวังโรคไข้มาลาเรียจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้ทราบคุณลักษณะเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพของระบบเฝ้าระวังโรคและเพื่อให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาระบบต่อไป
วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาแบบภาคตัดขวางถึงคุณลักษณะทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณของระบบเฝ้าระวังโรคไข้มาลาเรีย โดยการทบทวนข้อมูลผู้ป่วยโรคไข้มาลาเรียและโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจากโรงพยาบาลชุมชน 6 แห่งในจังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–31 ธันวาคม 2560 โดยกำหนดนิยามผู้ป่วยเพื่อใช้ในการทบทวนเวชระเบียนตามนิยามโรคติดเชื้อประเทศไทยปี พ.ศ. 2544 โดยสำนักระบาดวิทยา จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อหาคุณลักษณะเชิงปริมาณของระบบการรายงานโรค ส่วนคุณลักษณะเชิงคุณภาพใช้วิธีการสัมภาษณ์บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับระบบเฝ้าระวัง
ผลการศึกษาและสรุป: จากการทบทวนเวชระเบียนทั้งสิ้น 2,857 เวชระเบียน พบผู้ป่วยเข้าได้ตามนิยามโรค 30 ราย ในจำนวนนี้ได้รับการรายงานในระบบ รง. 506 จำนวน 27 ราย คิดเป็นค่าความไว ร้อยละ 90 และค่าพยากรณ์บวกร้อยละ 100 พบทุกตัวแปรบันทึก ครบถ้วนร้อยละ 100 ตัวแปรส่วนใหญ่บันทึกถูกต้องร้อยละ 100 ยกเว้น ‘อาชีพ’ และ ‘แหล่งโรค’ บันทึกถูกต้องเพียงร้อยละ 66.6 ด้านความทันเวลาพบผู้ป่วยทุกรายได้รับการรายงานในระบบ รง. 506 ภายใน 1 วัน คิดเป็นร้อยละ 100 ด้านความเป็นตัวแทนพบทุกตัวแปร ยกเว้น ‘เพศ’ สามารถเป็นตัวแทนข้อมูลได้ สําหรับ คุ ณลักษณะเชิงคุณภาพ พบดังนี้ 1) ระบบการรายงานโรคมีความ ง่ายไม่ซับซ้อนจากการที่แต่ละโรงพยาบาลนําโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ เข้ามาช่วยในการจัดการข้อมูล 2) บุคลากรด้านสุขภาพในทุกระดับให้การยอมรับและเห็นความสำคัญของระบบเฝ้าระวังโรค 3) ระบบเฝ้าระวังโรคมีความมั่นคงจากการจัดทำมาตรการควบคุมโรคที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันของจังหวัด 4) ระบบมีความยืดหยุ่น เช่น มีผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนเมื่อผู้รับผิดชอบหลักไม่อยู่ และมีสองช่องทางช่วยเสริมกันในการสืบค้นข้อมูลผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังโรคและ 5) ทุกหน่วยงานด้านสาธารณสุขได้ใช้ประโยชน์ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวัง
ข้อเสนอแนะ: 1) คัดกรองบุคคลกลุ่มเสี่ยงเพื่อดำเนินมาตรการ ป้องกันควบคุมโรคที่เข้มข้นกว่ากลุ่มอื่น ๆ 2) ฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนทักษะด้านการสอบสวนโรคไข้มาลาเรียในกลุ่มบุคลากรสาธารณสุข และ 3) พัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการมาลาเรีย รวมถึงระบบยาและ เวชภัณฑ์สำหรับไข้มาลาเรียในโรงพยาบาลพื้นที่เสี่ยง

References

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. โครงการกําจัดโรค ไข้มาลาเรียประเทศไทย [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 1 มกราคม 2561]. เข้าถึงได้จาก http://203.157.41.215/malariar10/index_newversion.php

สำนักโรคติดต่อนําโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวง สาธารณสุข. แนวทางการดําเนินงานโครงการยับยั้งการแพร่เชื้อมาลาเรียที่ดื้อต่อยาผสมอนุพันธุ์อาร์ติมิซินิน ระยะที่ 2 (ปีที่ 3–5: ปีงบประมาณ 2557–2559). นนทบุรี: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจํากัด; 2557.

สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. ยุทธศาสตร์การกำจัดโรคไข้มาลาเรียประเทศไทย พ.ศ. 2560–2569. กรุงเทพมหานคร: อักษรกราฟฟิคแอนด์ ดีไซน์; 2559.

สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. นิยามโรคติดเชื้อประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.); 2546.

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. จังหวัดนครราชสีมา [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 6 มกราคม 2561]. เข้าถึงได้จาก https://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดนครราชสีมา

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 6 มกราคม 2561]. เข้าถึงได้จาก https://th.wikipedia.org/wiki/อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่.

วิกิพีเดีย สารานุก รมเสรี. อุทยานแห่งชาติทับลาน [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 6 มกราคม 2561]. เข้าถึงได้จาก https://th.wikipedia.org/wiki/อุทยานแห่งชาติทับลาน

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2024-04-27

How to Cite

มหรรณพนที ภ., & ศรีทรมาศ ท. (2024). การประเมินระบบเฝ้าระวังโรคไข้มาลาเรีย จังหวัดนครราชสีมา ปี พ.ศ. 2560. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์, 50(44), 653–660. สืบค้น จาก https://he05.tci-thaijo.org/index.php/WESR/article/view/1510