การสอบสวนการระบาดของโรคหิดในเรือนจำแห่งหนึ่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ เดือนพฤศจิกายน 2562
คำสำคัญ:
การสอบสวนโรค, โรคหิด, เรือนจํา, จังหวัดเพชรบูรณ์บทคัดย่อ
ความเป็นมา: วันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งจากเรือนจำแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ว่า พบผู้ป่วยอาการคล้ายหิดเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลของเรือนจําตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 จำนวน 30 คน และมี แนวโน้มว่าจะสูงขึ้น ทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็วโรงพยาบาล เพชรบูรณ์ดำเนินการสอบสวนการระบาดของโรคหิดในเรือนจำ วันที่ 18–21 พฤศจิกายน 2562 เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและการระบาดของโรคพรรณนา ลักษณะทางระบาดวิทยาของผู้ป่วย หาปัจจัยเสี่ยงของ การเกิดโรค รวมถึงควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
วิธีการศึกษา: ศึกษาระบาดวิทยาเชิงพรรณนาโดยการทบทวนเวชระเบียนและสัมภาษณ์ผู้ต้องขังในเรือนจำ นิยามผู้ป่วยสงสัย คือ ผู้ต้องขังที่มีผื่น ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม–21 พฤศจิกายน 2562 และได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์หรือพยาบาลว่าเป็นโรคหิด ศึกษาทางห้องปฏิบัติการด้วยการขูดรอยโรคแล้วส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ และสำรวจสภาพแวดล้อมภายในเรือนจํา การศึกษาระบาดวิทยา เชิงวิเคราะห์ทำการศึกษาแบบ cross-sectional study เพื่อหา ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหิด โดยใช้สถิติ Chi–square และ multiple logistic regression
ผลการศึกษา: พบผู้ป่วย 54 ราย จากผู้ต้องขัง 1,587 ราย (ร้อยละ 3.4) ผู้ป่วยเป็นเพศชายทั้งหมดอายุเฉลี่ย (mean ± SD) 34.6 ± 11.2 ปี จากการส่องกล้องจุลทรรศน์ 6 ตัวอย่าง พบตัวหิด 1 ตัวอย่าง (ร้อยละ 16.7) ผู้ป่วยรายแรกเริ่มมีอาการวันที่ 3 ตุลาคม 2562 และ มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสูงสุดวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 สาเหตุของการเกิดโรคเกิดจากการมีผู้ป่วยโรคหิดเข้ามาอาศัยในเรือนจำ ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหิดในเรือนจำ ได้แก่ การสัมผัส ผู้ป่วยโรคหิด (AOR 4.5, 95%CI 1.8-11.0) การนอนข้างผู้ป่วยโรคหิด (AOR 5.8, 95%CI 2.4-14.0) และการทำงานร่วมกับ ผู้ป่วยโรคหิด (AOR 6.3, 95%CI 3.0-13.4)
สรุปและอภิปราย: การระบาดครั้งนี้เป็นการระบาดของโรคหิด อัตราป่วยของการะบาดครั้งนี้ค่อนข้างต่ำเนื่องจากเจ้าหน้าที่ สามารถตรวจจับการระบาดได้ไว สาเหตุของการระบาดมาจากการมีผู้ป่วยโรคหิดเข้ามาอาศัยในเรือนจำ ปัจจัยเสี่ยงที่พบ คือ การสัมผัสผู้ป่วยโรคหิด การนอนข้างผู้ป่วยโรคหิด และการทำงานร่วมกับผู้ป่วยโรคหิด การตรวจร่างกายผู้ต้องขังแรกรับและการแยกผู้ป่วยอาจช่วยลดการระบาดภายหน้าได้
References
Institute of Dermatology. Scabies. 2006 [cited 2019 Dec 20]. Available from: http://inderm.go.th/inderm2/file/10.Scabies.pdf
Kiatsurayanon C. Scabies 2006 [cited 2019 Dec 20]. Available from: http://inderm.go.th/news/myfile/30 7845b612e5a72046_hj.pdf
Thongbunjob K, Futemwong A, Pintawong R, Ayood P. Investigation of a scabies outbreak in an elderly nursing home in Muang district, Chiang Mai, October 2013. Weekly Epidemiological Surveillance Report. 2016; 47: 289–96.
Limsuwan N, Salakij B, Thanajirasak S, Thammawijaya P. A large scabies outbreak at a prison in Southern Thailand, April–August 2017. OSIR. 2019; 12(2): 61–7.
Jangiam W, Puttaruk O, Langlarlertsakul M. Scabies outbreak in prisons at Phuket Provincial Prison, Thailand, 1 Jan–2 Jun 2016. Weekly Epidemiological Surveillance Report. 2016; 47: 769–75.
Department of Correction. Guideline of scabies prevention and control measures among the prisoners. 2017 [cited 2019 Dec 20]. Available from: http://www.correct.go.th/osss/a8940_60.pdf. 7.
Arlian LG, Vyszenski–Moher DL, Morgan MS. Mite and mite allergen removal during machine washing of laundry. J Allergy Clin Immunol. 2003 Jun; 111(6): 1269–73.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2020 รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับ WESR ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน WESR ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงบทความนั้น ๆ