การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในหอผู้ป่วยหญิง โรงพยาบาลทั่วไปแห่งหนึ่ง เดือนมีนาคม–เมษายน 2563
คำสำคัญ:
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019, การสอบสวนโรค, การติดเชื้อในโรงพยาบาลบทคัดย่อ
บทนำ: วันที่ 6 เมษายน 2563 พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ขณะรักษาที่หอผู้ป่วยอายุรกรรมหญิง โรงพยาบาลทั่วไป A และต่อมาพบผู้ติดเชื้ออีกหลายรายที่มี ความสัมพันธ์กับหอผู้ป่วยดังกล่าว ทีมปฏิบัติการสอบสวนโรค ระดับจังหวัด เขต และส่วนกลาง ร่วมกันดำเนินการสอบสวนควบคุมโรค เพื่อหาแหล่งโรค วิธีการถ่ายทอดโรคและหามาตรการในการป้องกันควบคุมโรค
วิธีการศึกษา: ศึกษาระบาดวิทยาเชิงพรรณนาของผู้ป่วย โดยทำการค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมในผู้ป่วยที่รักษาในหออายุรกรรมหญิง โรงพยาบาล A ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม–12 เมษายน 2563 รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ผู้เฝ้าไข้หรือเยี่ยมผู้ป่วย ครอบครัว และชุมชน ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยเหล่านี้ ดำเนินการศึกษาทาง สิ่งแวดล้อมในหอผู้ป่วยที่เกี่ยวข้อง
ผลการศึกษา: พบผู้ป่วย 21 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 3 ราย เป็น เพศหญิง 19 ราย เพศชาย 2 ราย อายุระหว่าง 2–85 ปี ค่ามัธยฐาน ของอายุ 42 ปี จําแนกเป็นผู้ป่วยในหอผู้ป่วยอายุรกรรมหญิง 7 ราย ผู้เฝ้าไข้ 10 ราย บุคคลในครอบครัว 2 ราย ผู้เยี่ยมไข้ที่บ้าน 1 ราย และบุคลากรทางการแพทย์ 1 ราย ในจำนวนนี้มีการติดเชื้อที่ไม่มีอาการ 5 ราย พื้นที่ที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ บริเวณโซน 1 ซึ่งมี ผู้ ป่วยโรคโควิด 19 รายแรกได้รับการพ่นยา โดยที่ผู้ป่วยรายนี้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล A ด้วยโรคอื่นมาก่อนในช่วง 20–26 มีนาคม 2563 และเริ่มมีอาการระบบทางเดินหายใจตั้งแต่วันแรก หลังออกจากโรงพยาบาล เข้ารับการรักษาอีกครั้งใน 7 วันต่อมา และได้รับการพ่นยาในหอผู้ป่วยตั้งแต่แรกรับ มีผู้ป่วย 6 ราย (รวมรายแรก) ที่รับเชื้อก่อนวันที่ผู้ป่วยรายแรกได้รับการพ่นยา โดยมีหนึ่งรายเพิ่งย้ายมาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งมีการระบาดของโรคโควิด 19 ในกรุงเทพมหานคร ส่วนผู้ป่วยในกลุ่มที่เหลือ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อยู่ในหอผู้ป่วยดังกล่าวขณะที่มีการพ่นยา แต่มี 3 ราย ที่เข้ามาในหอผู้ป่วยในวันหลัง จากนั้นโดยทุกรายเข้ามาในช่วงไม่ เกิน 3 ชั่วโมงหลังจากผู้ป่วยรายแรกถูกย้ายเข้าห้องแยก
สรุปและอภิปรายผล: แหล่งโรคของการระบาดครั้งนี้อาจมาจากผู้ป่วยที่ย้ายมาจากโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร ส่วนปัจจัยที่ทำให้เกิดการระบาดในวงกว้าง คือ การพ่นยารักษาผู้ป่วยรายแรก และน่าจะมีการแพร่ทางอากาศหรือผ่านการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ร่วมด้วยในกลุ่มผู้ที่เข้ามาในหอผู้ป่วยอายุรกรรมหญิงหลังวันที่มี การพ่นยา ในสถานการณ์ที่พบผู้ป่วยโรคโควิด 19 อย่างแพร่หลาย ภายในประเทศ หากพบผู้ป่วยที่เคยมีประวัติรับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยรับย้ายจากจังหวัดที่มีการระบาด ควรคำนึงถึงโรคโควิด 19 ด้วยและให้การดำเนินการที่เหมาะสม
References
สำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค. การประเมินความเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ ใหม่ 2019 (2019–nC0V) ระหว่างประเทศทั่วอาเซียน ข้อมูล ณ วันที่ 27 มกราคม 2563 ปรับปรุง 11 พฤษภาคม 2563. [เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/RiskAssessment/ThaiVers_270163.pdf
ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค. รายงาน สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ฉบับที่ 93 วันที่ 5 เมษายน 2563. [เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก : https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/situation/situation–no93–050463.pdf?fbclid=IwAR2HpUK_qsfRONUqWBF_iUgtIDRJNCBaGYL09FANN8HHMbZTjASmPoCciB0
World Health Organization. Coronavirus disease 2019 (COVID-19) Situation Report–73. [cited 2020 May 15]. Available from: https://www.who.int/docs/default–source/coronaviruse/situation–reports/20200402–sitrep–73–COVID-19.pdf?sfvrsn=5ae25bc7_4
Israel Amirav, Michael T. Newhouse. Transmission of coronavirus by nebulizer: a serious, under appreciated risk. CMAJ. 2020 Mar 30; 192(13): E346.
Raymond Tellier, Yuguo Li, Benjamin J Cowling, Julian W. Tang. Recognition of aerosol transmission of infectious agents: a commentary. BMC Infectious Diseases. 2019; 19: 101–9.
Wong T–W, Lee C–K, Tam W, Lau JT–F, Yu T–S, Lui S– F, et al. Cluster of SARS among medical students exposed to single patient, Hong Kong. [cited 2020 May 15]; Emerg Infect Dis [serial online] 2004 Feb. Available from: http://www.cdc.gov/ncidod/EID/vol10no2/03–0452.htm
สำนักวัณโรค สถาบันบำราศนราดูร. แนวทางการป้องกันและ ควบคุมการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วน จํากัด สํานักพิมพ์ อักษรกราฟฟิค แอนด์ ดีไซน์; 2559. หน้า 19–20.
Van Doremalen N, Bushmaker T, Morris DH, Holbrook MG, Gamble A, Williamson BN, et al. Aerosol and surface stability of SARS-CoV-2 as compared with SARS–CoV–1. N Engl J Med. 2020; 382: 1564–7.
Bourouiba L. Turbulent gas clouds and respiratory pathogen emissions: Potential implications for reducing transmission of COVID-19. JAMA. 2020 ; 323(18): 1837–8.
Bourouiba L, Dehandshoewoercker E, Bush JWM. Violent respiratory events: on coughing and sneezing. J Fluid Mech. 2014; 745: 537–63.
Wong SCY, Kwong RTS, Wu TC, Chan JWM, Chu MY, Lee SY, et al. Risk of nosocomial transmission of coronavirus disease 2019: an experience in a general ward setting in Hong Kong. J Hosp Infect. 2020 ; 105(2): 119–27.
กรมการแพทย์ แนวทางปฏิบัติ การวินิจฉัย การดูแลรักษา และ ป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข ฉบับปรับปรุง วันที่ 21 มีนาคม 2563.
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2020 รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับ WESR ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน WESR ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงบทความนั้น ๆ