การพัฒนาระบบเฝ้าระวังการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ในหน่วยบริการสุขภาพ โดยใช้ชุดตรวจหาการติดเชื้อรายใหม่ชนิดทราบผลเร็ว ในผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวีครั้งแรก พื้นที่กรุงเทพมหานคร

ผู้แต่ง

  • พรรณี ชัยโพธิ์ศรี สำนักงานโรคติดต่อทางสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร
  • กัณฑกานต์ นิลสุ่ม สำนักงานโรคติดต่อทางสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร
  • พิชญุตม์ เลี่ยมทอง สำนักงานโรคติดต่อทางสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร

DOI:

https://doi.org/10.59096/wesr.v56i4.4279

คำสำคัญ:

เอชไอวี, การติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่, ระบบเฝ้าระวัง

บทคัดย่อ

ความเป็นมา : การเฝ้าระวังการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่เป็นกลไกสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาด ระบบเดิมอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ซับซ้อน ต้องขนส่งตัวอย่างเลือดไปยังศูนย์กลาง ใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะทราบผล ทำให้ข้อมูลที่ได้ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางสาธารณสุขได้ทันเวลา ส่งผลให้การควบคุมการแพร่กระจายเชื้อเอชไอวีเป็นไปอย่างจำกัด การใช้ชุดตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ชนิดทราบผลเร็ว (Rapid Test of Recent HIV Infection: RTRI) เป็นแนวทางใหม่ที่สามารถให้ผลตรวจได้รวดเร็ว แม่นยำ และดำเนินการได้ ณ สถานบริการสุขภาพ การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบเฝ้าระวังการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ที่แก้ไขข้อจำกัดของระบบเดิม และวิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ เพื่อเป็นข้อมูลในการกำหนดยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุข

วิธีการศึกษา : ออกแบบและพัฒนาระบบเฝ้าระวังการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่โดยใช้ชุดตรวจ RTRI ซึ่งสามารถดำเนินการได้ ณ สถานพยาบาลที่เข้าร่วม พร้อมพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลอัตโนมัติ จากระบบสารสนเทศของสถานพยาบาล (Hospital Information System, HIS) ไปยังโปรแกรม Bangkok Smart Motoring System (BSMS) เพื่อให้สามารถติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลได้แบบทันท่วงทีโดยดำเนินการในกลุ่มตัวอย่าง 1,041 ราย เพื่อมาวิเคราะห์สัดส่วนของการติดเชื้อรายใหม่โดยใช้เกณฑ์ Viral Load >1,000 copies/mL และ CD4 >200 cells/ L นอกจากนี้ยังวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ เพศ อายุ และพฤติกรรมเสี่ยงกับการติดเชื้อ

ผลการศึกษา : ผลการศึกษาพบว่าสัดส่วนการติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ร้อยละ 7.68 เมื่อใช้เกณฑ์ Viral Load >1,000 copies/mL ร้อยละ 5.38 เมื่อใช้ CD4 >200 cells/ L ผู้ที่มี Viral Load สูงมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่าถึง 52.52 เท่า (p < 0.001) ขณะที่ผู้ที่มี CD4 สูงมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่าถึง 1.87 เท่า (p = 0.008) การวิเคราะห์ตามเพศและช่วงอายุพบว่า กลุ่มเพศชาย โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นตอนปลายถึงวัยหนุ่มสาวตอนต้น (20-24 ปี) มีอัตราการติดเชื้อสูงสุดที่ร้อยละ 12.5 และยังพบอัตราสูงในกลุ่มอายุ 25-29 ปี (ร้อยละ 8.0) ส่วนในเพศหญิง อัตราการติดเชื้อสูงสุดพบในวัยกลางคนตอนปลาย โดยกลุ่มอายุ 40-44 ปี มีสัดส่วนการติดเชื้อรายใหม่สูงสุดที่ร้อยละ 15.8 และ 45-49 ปี ที่ร้อยละ 11.5 นอกจากนี้ยังพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างเกณฑ์ Viral Load และ CD4 (p = 0.033) โดย Viral Load มีความแม่นยำสูงกว่า เนื่องจากสะท้อนถึงเชื้อไวรัสโดยตรง ขณะที่ CD4 อาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยอื่น ๆ

สรุปและข้อเสนอแนะ : ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าระบบเฝ้าระวังที่พัฒนาขึ้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามและตรวจจับการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ได้อย่างรวดเร็วผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลแบบทันท่วงที ทำให้สามารถประเมินสถานการณ์และวางแผนเชิงกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ และช่วยให้การควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีมีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว

References

UNAIDS. Ending the AIDS epidemic 2030: Global statistics 2016 [Internet]. 2016 [cited 2025 Jan 23]. Available from: http://www.unaids.org/sites/default/files/media_asset/2016-AIDS data_en.pdf

National Committee on AIDS Prevention and Solution. National Strategy on Ending AIDS 2017-2030. Bangkok: NC Concept Co., Ltd.; 2017. (in Thai)

Bangkok Metropolitan Administration, Bureau of AIDS, Tuberculosis, and Sexually Transmitted Diseases Control. Strategic Plan for Ending AIDS in Bangkok 2017–2030. 5th ed. Bangkok: Bureau of AIDS, Tuberculosis, and Sexually Transmitted Diseases Control, Bangkok Metropolitan Administration; 2019. (in Thai)

Duong YT, Qiu M, De AK, Jackson K, Dobbs T, Kim AA, et al. Detection of recent HIV-1 infection using a new limiting-antigen avidity assay: potential for HIV-1 incidence estimates and avidity maturation studies. PLoS One. 2012; 7: e33328.

Duong YT, Kassanjee R, Welte A, Morgan M, Dobbs T, Swanson P, et al. Recalibration of the limiting antigen avidity EIA to determine mean duration of recent infection in divergent HIV-1 subtypes. PLoS One. 2015; 10: e0114947.

World Health Organization. Consolidated guidelines on HIV testing services. Geneva: WHO; 2015.

Aidsmap. CD4 cell counts [Internet]. 2024 [cited 2025 Jan 25]. Available from: https://www.aidsmap.com/about-hiv/cd4-cell-counts

National Institutes of Health. Plasma HIV-1 RNA (Viral Load) and CD4 Count Monitoring [Internet]. NIH; 2022 [cited 2025 Jan 25]. Available from: https://clinicalinfo.hiv.gov/en/guidelines/hiv-clinical-guidelines-adult-and-adolescent-arv/plasma-hiv-1-rna-cd4-monitoring

Van Griensven F, Thienkrua W, McNicholl J, Wimonsate W, Chaikummao S, Chonwattana W, et al. Evidence of an explosive epidemic of HIV infection in a cohort of men who have sex with men in Thailand. AIDS. 2013; 27(5): 825-32.

Baral SD, Grosso A, Holland C, Papworth E. The epidemiology of HIV among men who have sex with men in countries with generalized HIV epidemics. Curr Opin HIV AIDS. 2014;9(2):156-67.

Nasrullah M, Oraka E, Chavez PR, Johnson CH, DiNenno E. Factors associated with condom use among sexually active US adults, national survey of family growth, 2006–2010 and 2011–2013. The Journal of Sexual Medicine. 2017;14(4):541–50.

Beyrer C, Baral SD, Van Griensven F, Goodreau SM, Chariyalertsak S, Wirtz AL, et al. Global epidemiology of HIV infection in men who have sex with men. Lancet. 2016;388(10040):198-206.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2025-04-29

How to Cite

ชัยโพธิ์ศรี พ., นิลสุ่ม ก. ., & เลี่ยมทอง พ. (2025). การพัฒนาระบบเฝ้าระวังการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ในหน่วยบริการสุขภาพ โดยใช้ชุดตรวจหาการติดเชื้อรายใหม่ชนิดทราบผลเร็ว ในผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวีครั้งแรก พื้นที่กรุงเทพมหานคร. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์, 56(4), e4279. https://doi.org/10.59096/wesr.v56i4.4279

ฉบับ

บท

บทความต้นฉบับ