ปัจจัยทีมีความสัมพันธ์กับการนำสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ในจังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. 2542
บทคัดย่อ
โรคพิษสุนัขบ้ายังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของจังหวัดมุกดาหาร พบว่า มีผู้ป่วยเสียชีวิต 12 รายในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา (2531-2540) พบเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจากหัวสุนัขส่งตรวจ ร้อยละ 47.0 และอัตราความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษ สุนัขบ้าในสุนัขเฉลี่ย ร้อยละ 51.0 ในปี พ.ศ. 2538 - 2541 การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจในช่วงเวลาที่กำหนด (Cross - Sectional survey research) มีวัตถุประสงค์ เพื่อหาอัตราความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัข และหาปัจจัย ที่มีความสัมพันธ์กับการนำสุนัขมาฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าของตัวแทนครัวเรือนที่เลี้ยงสุนัข เครื่องมือในการศึกษา คือ แบบ สอบถาม เก็บรวบรวมโดยพนักงานสัมภาษณ์จำนวน 8 คนในระหว่างวันที่ 1 - 15 สิงหาคม พ.ศ. 2542 คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธี การคัดเลือกแบบแบ่งชั้นภูมิ (Multistage random sampling technique) ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 500 ครัวเรือน วิเคราะห์ข้อมูลโดยโปรแกรม EPI - INFO 6 ใช้สถิติ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าต่ำสุดสูงสุด และ Chi - square test
ผลการศึกษา พบว่า อัตราความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขของจังหวัดมุกดาหาร ร้อยละ 78.3 ครัวเรือนที่นำสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรค ครบทุกตัว ร้อยละ 77.0 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการนำสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ p - value < 0.05 ได้แก่ รายได้ครัวเรือน ความรู้เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า การได้รับข่าวสารเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า ครัวเรือนที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี อายุสุนัขที่เลี้ยง พันธุ์สุนัขที่เลี้ยง และการเข้าถึงแหล่งให้บริการ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเหตุผลที่ครัวเรือนไม่นำสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ได้แก่ ตัวแทนของครัวเรือนที่เลี้ยง สุนัขไม่รู้แหล่งให้บริการฉีดวัคซีนร้อยละ 44.2 ไม่ต้องการเสียค่าบริการฉีดวัคซีนร้อยละ 19.2 และไม่มีความรู้ว่าสุนัขต้องได้รับการฉีดวัคซีน ร้อยละ 9.6 ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเผยแพร่ข่าวสารเรื่องโรคพิษสุนัขบ้าแก่ประชาชน เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงพิษภัยของโรคพิษสุนัขบ้าควรจัดแหล่งให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่ประชาชนสามารถนำสุนัขไป ฉีดได้สะดวก และในราคาที่ประชาชนสามารถรับผิดชอบได้ รวมทั้งดำเนินงานฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขให้ได้ความครอบคลุมตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ เพื่อดำเนินการกวาดล้างโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปจากพื้นที่
References
กรมควบคุมโรคติดต่อ.แนวทางการกวาดล้างโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปจากประเทศไทย.โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจำกัด กรุงเทพฯ.2539.
.กองระบาดวิทยาสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข รายงานการเฝ้าระวังโรคประจำปี 2538.โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก กรุงเทพฯ.2538.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร."สรุปข้อมูลทางระบาดวิทยา"2541.(เอกสารโรเนียวเย็บเล่ม)
.บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์.ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 4,กรุงเทพฯ:การพิมพ์พระนคร,2537.
กรมควบคุมโรคติดต่อ."เครื่องชี้วัดการพัฒนาสาธารณสุขในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (พ.ศ.2540 - 2544):เครื่องชี้วัดการควบคุมโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน" 2541 : 52 - 53.
มนูญ ขอเสงี่ยม."การศึกษาปัญหาการดำเนินงานและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในจังหวัดราชบุรี" วิทยานิพนธ์ปริญญาบัณฑิต คณะสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล. 2532.
.สังวาล เจริญรบและคณะ. สภาพการณ์ความรู้ทัศนคติและพฤติกรรมการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าของผู้มารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่งานควบคุมโรคติดต่อทั่วไป.สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด.2540.
กรมควบคุมโรคติดต่อ."การดูแลรักษาผู้ป่วยและป้องกันผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้า"เอกสารบทความวิชาการประกอบการบรรยายในการสัมมนาวิชาการเรื่องการดูแลรักษาผู้ป่วยและป้องกันผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้า ปี พ.ศ. 2542 วันที่ 30 - 31 สิงหาคม 2542 ณ โรงแรมดุสิตรีสอร์ท.พัทยา จังหวัดชลบุรี.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 1999 รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับ WESR ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน WESR ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงบทความนั้น ๆ