การใช้หน้ากาก (N95 Respirator) ในการป้องกันตนเองจากวัณโรคของบุคลากร โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ 2542
บทคัดย่อ
ปัจจุบันอัตราป่วยด้วยวัณโรค มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างน่าวิตก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคเอดส์ ทำให้โรงพยาบาลต่างๆ มีโอกาสรับผู้ป่วยเหล่านี้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาการระบาดของเชื้อวัณโรคในโรงพยาบาลได้บุคลากรในโรงพยาบาลจึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรคจากการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้น การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาอัตราการใช้หน้ากากและศึกษาถึงปัญหา อุปสรรค ในการใช้หน้ากากในการป้องกันวัณโรคของบุคลากรโดยการสำรวจภาคตัดขวาง (Cross sectional study) ในระหว่างเดือน มกราคม ถึง กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือ บุคลากรทางการพยาบาลในแผนกอายุรกรรม และ หอผู้ป่วยหนักทั่วไป จำนวน 112 คน จากนั้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป Epi - info โดยการแจกแจงค่าความถี่และร้อยละ
ผลการสำรวจการใช้หน้ากากเพื่อป้องกันวัณโรค ในบุคลากรที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 112 คน พบว่า บุคลากรมีการใช้หน้ากากขณะให้การดูแลผู้ป่วยวัณโรค 55 คน คิดเป็นร้อยละ 49.1 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด มีเพียงหนึ่งหอผู้ป่วย คือ หอผู้ป่วยอายุรกรรมหญิง 2 ที่พบว่า บุคลากรมีอัจราการใช้หน้ากากอยู่ในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 92.3 ของบุคลากรในหอผู้ป่วยทั้งหมด เมื่อพิจารณาการใช้หน้ากากป้องกันวัณโรค กับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ประวัติการเจ็บป่วยเป็นวัณโรคของบุคลากร ประวัติการเจ็บป่วยเป็นวัณโรคของสมาชิกในครอบครัว และบุคคลใกล้ชิด ตำแหน่งหน้าที่ และระยะเวลาในการปฏิบัติงานของบุคลากร พบว่า ปัจจัยเหล่านี้ไม่มีความสัมพันธ์กับการใช้หน้ากาก เพื่อป้องกันวัณโรคของบุคลากร สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้บุคลากรมีอัตราการใช้หน้ากากเพื่อป้องกันวัณโรคอยู่ในระดับต่ำ ได้แก่ ปัญหาด้านความไม่สุขสบายของผู้ใช้หน้ากาก เนื่องจาก อึดอัด หายใจไม่ออก หน้ามืด เวียนศีรษะ ปัญหาด้านคุณสมบัติของตัวหน้ากาก ลักษณะของหน้ากาก สีสันไม่น่าใช้ รูปร่างมีขนาดใหญ่ และวัสดุที่ใช้ในการผลิตแข็งเกินไป รวมทั้งมีราคาแพง นอกจากนี้ ยังพบปัญหาในด้านการบริหารจัดการในการใช้หน้ากากของบุคลากร
จากผลการศึกษาครั้งนี้ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาในการใช้หน้ากากป้องกันวัณโรคของบุคลากร ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข ตลอดจนหาวิธีการส่งเสริมให้มีการใช้หน้ากากเพื่อป้องกันวัณโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยป้องกันมิให้บุคลากรได้รับเชื้อวัณโรคและติดเชื้อวัณโรคในที่สุด
เอกสารอ้างอิง
Yanai H, Uthaivoravit W, Panich V, Sawanpanyalert P, Chaimanee B,Akarasewi P, Limpakarnjanarat K, Nieburg P, and Mastro TD. Rapid increase in HIV-related tuberculosis, Chiang Rai, Thailand, 1990-1994. AIDS 10:527-531, 1996.
Do AN, Limpakarnjanarat K, Uthaivoravit W, Zuber PLF, Korattana S, Binkin N, Mastro TD, arvis WR. Increased risk of Mycobacterium tuberculosis infection related to the occupational exposures of health care workers in Chiang Rai, Thailand. Int J Tuberc Lung Dis 3(5):377-381, 1999.
CDC. Guideline for preventing the transmission of tuberculosis in health care setting with special focus on HIV-related issues. MMWR 39(RR-17), 1990.
CDC. Guideline for preventing the transmission of tuberculosis in health care facilities. MMWR 43(RR-13), 1994.
วัฒน์ อุทัยวรวิทย์ และคณะ. ความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติด้านการดูแลผู้ป่วยวัณโรคของเจ้าหน้าที่พยาบาล โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พ.ศ. 2539. รายงานการเฝ้าระวังโรคประจำสัปดาห์ กองระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข 28(28):369-372, 2540.
ชม ภูมิภาค. จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพฯ; ไทยวัฒนาพานิช 2523.
ประภาเพ็ญ สุวรรณ. ทัศนคติ: การวัดการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรมอนามัย. กรุงเทพฯ พีร พัชรา 2526.
Qian Y, Willeke K, Grinshpun SA, Donnelly J, Coffey CC. Performance of N95 respirators: filtration efficiency for airborne microbial and inert particles. Am Ind Hyg Assoc J 59(2):128-132, 1998.
Dooley SW, Jarvis WR, Snider DE. Mycobacterium tuberculosis. Hospital Epidemiology and Infection Control. pp.1200-1223; Boston, Little brown and company, 1996.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2000 รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ความรับผิดชอบและลิขสิทธิ์
1. ความรับผิดชอบของผู้เขียนและความเห็นของกองบรรณาธิการ (Author Responsibility and Editorial Disagreement)
เนื้อหาและข้อมูลทั้งหมดในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร WESR ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบโดยตรงของผู้นิพนธ์บทความ และกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ ในเนื้อหาดังกล่าว
2. ลิขสิทธิ์และการอ้างอิง (Copyright and Referencing)
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ และอื่น ๆ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร WESR ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดประสงค์จะนำเนื้อหาทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ จะต้องอ้างอิงบทความนั้น ๆ อย่างถูกต้อง

