ผลการใช้โปรแกรมสมาธิบำบัด (SKT3) ต่อการลดความดันโลหิต และน้ำตาลในเลือด ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน ในคลินิกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแห่งหนึ่ง อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังการทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลการใช้โปรแกรมสมาธิบำบัด SKT3 ต่อการลดระดับความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด การรับรู้การปฏิบัติสมาธิ และสภาวะสุขภาพในทัศนะของผู้ฝึกสมาธิ ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน ที่มารับบริการในคลินิกโรคเรื้อรัง ขนาดตัวอย่างจำนวน 40 คน คำนวณโดยใช้โปรแกรม G*Power เลือกแบบเฉพาะเจาะจงตามเงื่อนไข ใช้สมาธิบำบัด ท่าที่ 1, 2 และ 3 เป็นเครื่องมือในการทดลอง วัดความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดด้วยเครื่องมือที่ผ่านการสอบเทียบ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยแบบสัมภาษณ์ที่มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.826 เปรียบเทียบผลก่อนและหลังการทดลอง 6 เดือน โดยใช้สถิติทดสอบแบบจับคู่
ผลการศึกษาพบว่าการใช้โปรแกรมสมาธิบำบัด SKT3 ทำให้ความดันโลหิตค่าบน ความดันโลหิตค่าล่าง และระดับน้ำตาลในเลือด ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ส่วนค่าเฉลี่ยการรับรู้การปฏิบัติสมาธิ และค่าเฉลี่ยสภาวะสุขภาพในทัศนะของผู้ฝึก เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) จึงควรใช้สมาธิบำบัด SKT3 เป็นทางเลือกควบคู่ไปกับมาตรฐานการรักษาและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
ชนิดาวดี สายืน, ปัญจา ชมภูธวัช, & ณิชพันธุ์ระวี
เพ็งพล. (2563). การเปรียบเทียบระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานด้วยการใช้สมาธิบำบัดเอสเคที (SKT) ในคลินิกเบาหวาน โรงพยาบาลหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ, 13(1), 532–537.
ณัฏฐ์ธัญศา ยิ่งยงเมธี, ดารารัตน์ อยู่เจริญ, จุฑารัตน์ สว่างชัย, ศิริมา วงศ์แหลมทอง, & พเยาว์ นิมิตพรชัย. (2563). ประสิทธิผลของการใช้สมาธิบำบัดแบบ SKT ต่อระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้. วารสารแพทย์เขต 4-5, 39(2), 228–238.
ธนสร สนพเชธกร. (2564). ผลของการฝึกวินยาสะโยคะต่อความเครียดในวัยทำงาน (วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธีรพล มโนศักดิ์เสรี. (2021). ผลของสมาธิบำบัดแบบ SKT ต่อการลดระดับน้ำตาลในเลือดของกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน. PCFM, 4(1), 22–34.
พัชรี มณีวงศ์. (2567). ประสิทธิผลการใช้โปรแกรมสมาธิบำบัด SKT ในการลดระดับน้ำตาลของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในหอผู้ป่วยใน โรงพยาบาลเชียงแสน. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอร์ทเทิร์น, 5(3), 109–120.
ระบบข้อมูลข่าวสารสาธารณสุข. (2565). ข้อมูลเพื่อตอบสนอง Service Plan สาขาโรคไม่ติดต่อ. สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2565, จาก https://nrt.hdc.moph.go.th/hdc/reports/page.php?cat_id=b2b59e64c4e6c92d4b1ec16a599d882b
เรียมรัตน์ รักเสมอวงศ์, & พิสมัย หวังผล. (2562). ผลการปฏิบัติสมาธิบำบัดแบบ SKT ท่า 1 และท่า 3 ต่อระดับ HbA1c ในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรงพยาบาลทรายมูล จังหวัดยโสธร. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10, 17(2), 28–36.
วราภรณ์ คำรศ, & สมฤดี ชื่นกิติญานนท์. (2563). ประสิทธิผลของโปรแกรมสมาธิบำบัด (SKT) ต่อการลดระดับน้ำตาลในเลือดและลดระดับความดันโลหิตในพระสงฆ์. วารสารคุณภาพชีวิตกับกฎหมาย, 16(2), 65–78.
ศรีบุษย์ ศรีไชยจรูญพง. (2561). ประสิทธิผลของการปฏิบัติสมาธิ SKT3 ต่อระดับฮีโมโกลบินเอวันซีในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี. (2550). การปฏิบัติสมาธิเพื่อการเยียวยาสุขภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: บริษัทสามเจริญพาณิชย์ (กรุงเทพ) จำกัด.
สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี, & สิริพิชญ์ เตรียมชัยศรี. (2554). พระพุทธาเยียวยาโรค 1: โยคะสมาธิในการลดความดันโลหิตสูงผู้ป่วยความดันโลหิตสูง. สืบค้นเมื่อ 25 มีนาคม 2560, จาก http://www.dtam.moph.go.th
/viewstory.php?id=150
สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี. (2556). การปฏิบัติสมาธิเพื่อการเยียวยาสุขภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 12). นนทบุรี: ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเจี้ยฮั้ว.
สุภาณี โสทัน. (2566). ผลของสมาธิบำบัด SKT ในการลดระดับความดันโลหิตของผู้ที่มารับบริการโรงพยาบาลฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์. วารสารสุขภาพและสิ่งแวดล้อมศึกษา, 8(1), 468–476.
สุภาพร แนวบุตร. (2557). ผลของการควบคุมความดันโลหิตของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงโดยใช้เทคนิคสมาธิเพื่อการเยียวยาโดยใช้เทคนิค SKT2 ในชุมชน. คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.
สุรีย์ ทั่งทอง, & สุมลรัตน์ ขนอม. (2564). ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพต่อการลดปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่มารับบริการ ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแห่งหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย. วารสารศาสตร์สุขภาพและการศึกษา, 1(2), 1–15.
สุรีย์ ทั่งทอง. (2566). ผลของการประยุกต์ใช้โมเดลขั้นตอนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และสมาธิบำบัด SKT2 ในการลดปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วยเบาหวานและผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มารับบริการในคลินิก. การประชุมวิชาการระบบสุขภาพปฐมภูมิวิถีใหม่ จังหวัดนครศรีธรรมราช.
Best, J. W. (1977). Research in education (3rd ed.). Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall.
Cao, Z. J., Wang, S. M., & Chen, Y. (2015). A randomized trial of multiple interventions for childhood obesity in China. American Journal of Preventive Medicine, 48(5), 552–560. https://doi.org/10.1016/j.amepre.2014.12.002
Cohen, J. (1988). Statistical power analysis for the behavioral sciences (2nd ed.). Hillsdale, NJ: Lawrence Erlbaum Associates.
Sadeghi, M., Teimouri-Jervekani, Z., Roohafza, H., Talaei, M., Paknahad, M. H., Dianatkhah, M., Boshtam, M., & Sarrafzadegan, N. (2024). Integration of diabetes mellitus and hypertension on major cardiovascular events: An experience from a 15-year follow-up cohort study in EMR. Current Diabetes Reviews. https://doi.org/10.2174
/0115733998304318240731051957
Strecher, V. J., & Rosenstock, I. M. (1997). The health belief model. In K. Glanz, F. M. Lewis, & B. K. Rimer (Eds.), Health behavior and health education: Theory, research, and practice (pp. 31–43). San Francisco, CA: Jossey-Bass.