การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของญาติหรือผู้ดูแลในการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา

Main Article Content

วรางคณา ปุยเจริญ

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้เป็นวิจัยและพัฒนา มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของญาติหรือผู้ดูแลในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งในอำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา แบ่งการศึกษาออกเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) ศึกษาสถานการณ์การดูแลผู้ป่วยมะเร็ง (2) ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของญาติหรือผู้ดูแล (3) ยกร่างและพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วม และ (4) ทดลองใช้และประเมินผลรูปแบบ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยญาติหรือผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็ง จำนวน 60 คน เครื่องมือวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถาม แบบประเมินคุณภาพรูปแบบ แบบสอบถามความพึงพอใจ และแนวคำถามการสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และ Paired Sample t-test


ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบ CARE-S Model ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ การสื่อสารกับทีมสุขภาพ (C), การให้ความรู้ที่เข้าถึงได้ (A), การพัฒนาทักษะการดูแล (R), ระบบติดตามผลการมีส่วนร่วม (E), และการปรับให้เหมาะกับบริบทพื้นที่ (S) หลังการใช้รูปแบบ ญาติ ผู้ดูแลมีคะแนนความสามารถและความมั่นใจในการดูแลผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001) ทั้งในด้านการดูแลอาการ การเฝ้าระวัง และการดูแลระยะยาว นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญประเมินคุณภาพรูปแบบในระดับ “มากที่สุด” ทุกด้าน และกลุ่มผู้ดูแลมีระดับความพึงพอใจต่อรูปแบบในระดับมากที่สุด โดยเฉพาะด้านการเข้าถึงความรู้และทักษะการดูแล


ผลการวิจัยสะท้อนว่ารูปแบบ CARE-S มีความเหมาะสมต่อการส่งเสริมบทบาทของญาติในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งในบริบทพื้นที่ชนบท และสามารถขยายผลไปใช้ในพื้นที่อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ทั้งนี้ควรมีการพัฒนาเครื่องมือและระบบสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อรองรับความหลากหลายของกลุ่มญาติในอนาคต

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ปุยเจริญ ว. (2025). การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของญาติหรือผู้ดูแลในการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา. วารสารวิจัยสุขภาพปฐมภูมิ, 1(2), 162–177. สืบค้น จาก https://he05.tci-thaijo.org/index.php/J_PHR/article/view/5531
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ช่อผกา ปุยขาว, อรวรรณ พฤกษพงษ์, & วราพร วิชชุวรนันท์. (2562). ผลของโปรแกรมการมีส่วนร่วมของครอบครัวต่อคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 29(2), 63–76.

สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2566). รายงานการวิเคราะห์สถิติผู้ป่วยมะเร็งและการเสียชีวิตในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานสถิติแห่งชาติ. Retrieved from http://www.nso.go.th

ศิริกาญจน์ พูลแก้ว. (2563). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความสามารถในการดูแลตนเองของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช. วารสารสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 5(1), 106–118.

ศิริพร เสมสาร, สุชิรา ชัยวิบูลย์ธรรม, & พิชัย จันทร์ศรีวงศ์. (2561). ผลของโปรแกรมส่งเสริมความสามารถของญาติผู้ดูแลต่อผลลัพธ์ด้านญาติผู้ดูแลและด้านผู้ป่วยในการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังระยะท้าย. วารสารการปฏิบัติการพยาบาลและการผดุงครรภ์ไทย, 5(1), 112–126.

Allison J. Applebaum & William Breitbart. (2012). Care for the cancer caregiver: A systematic review. https://www.cambridge.org/core/journals/palliative-and-supportive-care/article/abs/care-for-the-cancer-caregiver-a-systematic-review/6264F00C02EBCA0D51BC4C52FC9C0786

Bandura, A. (1997). Self-efficacy: The exercise of control. W.H. Freeman.

Becqué, Y., Wel, M., Aktan-Arslan, M., Driel, A., Rietjens, J., Heide, A., & Witkamp, E. (2023). Supportive interventions for family caregivers of patients with advanced cancer: A systematic review. Psycho‐Oncology, 32, 663 - 681. https://doi.org/10.1002/pon.6126.

Best, J.W. & Khan, J.V. (1993). Research in Education (Vol. 7). Allyn and Bacon.

Champarnaud, L., & Noel, J. M. (2020). Adult learning and digital health literacy: Empowering caregivers through relevant knowledge. Journal of Health Education Research & Development, 38(2), 112–120.

Kishino, M., Ellis-Smith, C., Afolabi, O., & Koffman, J. (2022). Family involvement in advance care planning for people living with advanced cancer: A systematic mixed-methods review. Palliative Medicine, 36, 462 - 477. https://doi.org/10.1177/02692163211068282.

Knowles, M. S. (1984). The adult learner: A neglected species (3rd ed.). Gulf Publishing.

Mentella, M.C.; Scaldaferri, F.; Ricci, C. Cancer and Mediterranean Diet: A Review. Nutrients 2019, 11, 2059. [Google Scholar] [CrossRef] [Green Version]

Senge, P. M. (1990). The fifth discipline: The art and practice of the learning organization. Doubleday.

Stadelmaier, N., Assemat, L., Paternostre, B., Bartholome, C., Duguey-Cachet, O., & Quintard, B. (2021). Supporting Family Members in Palliative Phases of Cancer. Journal of Hospice & Palliative Nursing, 24, E18 - E25. https://doi.org/10.1097/NJH.0000000000000827.

Streck, B. R., Macchi, C. R., O’Donnell, L. M., Liu, T., & Berg, K. A. (2021). Applying interdependence theory to the health context: A review and directions for future research. Health Psychology Review, 15(2), 242–260. https://doi.org/10.1080/17437199.2020.1718521

Stufflebeam, D.L. and W. J. Webster (1989). Evaluation as an Administrative Function, in N.J.

Thibaut, J. W., & Kelley, H. H. (1959). The social psychology of groups. Wiley.

Ullgren, H., Tsitsi, T., Papastavrou, E., & Charalambous, A. (2018). How family caregivers of cancer patients manage symptoms at home: A systematic review.. International journal of nursing studies, 85, 68-79 . https://doi.org/10.1016/j.ijnurstu.2018.05.004.

Ullgren, H., Tsitsi, T., Papastavrou, E., & Charalambous, A. (2018). How family caregivers of cancer patients manage symptoms at home: A systematic review.. International journal of nursing studies, 85, 68-79 . https://doi.org/10.1016/j.ijnurstu.2018.05.004.

Zhang, T. (2000). Participation and empowerment in community development: A theoretical framework. [Doctoral dissertation, University of Minnesota].