การสอบสวนผู้ป่วยแผลไหม้พุพองจากการสัมผัสสารเคมีปนเปื้อนในถังขยะ จังหวัดนครพนม เดือนมิถุนายน 2560
คำสำคัญ:
แผลไหม้พุพอง, การสัมผัสสารเคมี, โรงพยาบาลค่ายทหาร, จังหวัดนครพนมบทคัดย่อ
ความเป็นมา: วันที่ 12 มิถุนายน 2560 สำนักระบาดวิทยา ได้รับรายงานว่า พบผู้ป่วย 11 ราย มีแผลไหม้พุพองจากการสัมผัสระหว่างการทำกิจกรรม 5 ส. เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลค่ายทหารแห่งหนึ่งจังหวัดนครพนม ทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว จึงดำเนินการสอบสวนโรค มีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันการวินิจฉัย ศึกษาหาสาเหตุและแหล่งที่มาของการระบาดครั้งนี้ รวมทั้งหามาตรการในการป้องกันควบคุมโรค
วิธีการศึกษา: ทบทวนเวชระเบียนของผู้ป่วยที่มีอาการผื่น หรือแผลไหม้พุพองจากการสัมผัส ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลค่ายทหารแห่งนี้ ระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม-1 มิถุนายน 2560 รวมทั้งการค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมในกลุ่มทหารที่ทำกิจกรรม 5 ส. และพนักงานเก็บขยะโดยใช้แบบสอบถาม และการสํารวจสิ่งแวดล้อม ข้อมูลของผู้ป่วยและสิ่งแวดล้อมได้นำมาวิเคราะห์และนำเสนอโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาเป็นจำนวนและค่าร้อยละ
ผลการศึกษา: จากการทบทวนเวชระเบียนและค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม พบผู้ป่วยทั้งหมด 13 ราย ทุกรายเป็นเพศชาย เป็นทหาร 7 ราย พนักงานเก็บขยะของ อบต. 5 ราย และคนเก็บขยะขาย 1 ราย ผู้ป่วยที่เป็นทหารเริ่มมีอาการวันที่ 27 พฤษภาคม 2560 ส่วนกลุ่มพนักงานเก็บขยะมีอาการวันที่ 1 มิถุนายน 2560 ผู้ป่วยทุกรายมีอาการทางผิวหนัง โดยมีแผลไหม้พุพองมากที่สุด ร้อยละ 69.2 รองลงมา คือ ผื่นผิวหนังอักเสบ ร้อยละ 30.8 แต่ไม่พบมีอาการ ทางระบบทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่มีอาการภายในสิบนาทีภายหลังจากสัมผัสขยะ จากการสํารวจสิ่งแวดล้อมพบว่า ทางค่ายทหารได้จัดซื้อถังขยะชุดใหม่จากร้านค้าจำนวน 20 ถัง ซึ่งเป็นถังพลาสติกที่ เคยบรรจุสารเคมีชื่อ Octy-lisothiazolone (UN 2292) ซึ่งเป็นสารกัดกร่อนมีผลต่อระบบผิวหนังเมื่อสัมผัส และสาร Propionic acid (UN3463) ซึ่งเป็นสารกัดกร่อนทำให้ระคายเคืองผิวหนัง เกิดแผลไหม้แบบเฉียบพลัน ผู้ป่วยหายดีทุกรายโดยไม่พบผู้เสียชีวิต
สรุป: การระบาดครั้งนี้พบผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการแผลไหม้พุพอง และผิวหนังอักเสบ น่าจะเกิดจากการสัมผัสสารเคมีที่มีผลระคายเคืองผิวหนัง ซึ่งเป็นสารที่อาจเหลืออยู่ในถังบรรจุสารเคมีที่นํากลับมาใช้ใหม่เป็นถังขยะในค่ายทหาร ดังนั้นจึงควรมีการเข้มงวดกำกับ และตรวจสอบโรงงานหรือร้านค้าที่นำถังบรรจุสารเคมี อันตรายมาจำหน่ายอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นมาตรการป้องกันควบคุมป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ
References
กรมโรงงานอุตสาหกรรม. พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535. [สืบค้นเมื่อ 1 ตุลาคม 2560]. เข้าถึงได้จาก http://www2.diw.go.th/Haz_o/hazard/lawsnew/1.pdf
กรมโรงงานอุตสาหกรรม. พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535. [สืบค้นเมื่อ 3 ตุลาคม 2560]. เข้าถึงได้จาก http://www.diw.go.th/hawk/news/62.pdf
ศูนย์บริหารกฎหมายสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือพระราชบัญญัติการสาธารณสุข. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2557.
แสงโฉม เกิดคล้าย. การสอบสวนโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม. กรุงเทพมหานคร: องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก; 2550.
Department of Health and Human Services, CDC, NIOSH. NIOSH pocket guide to chemical hazards. 3th ed. Ohio: NIOSH; 2007.
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ฐานความรู้เรื่องความปลอดภัยจากสารเคมี: สถิติอุบัติภัยวัตถุเคมี. [สืบค้นเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2560]. เข้าถึงได้จาก http://www.chemtrack.org/StatAccident-List.asp?ACT=11
กรมควบคุมมลพิษ. สารเคมีและของเสียอันตราย. [สืบค้นเมื่อ 31 ตุลาคม 2560]. เข้าถึงได้จาก http://www.pcd.go.th/info_serv/haz_dump_report.html#top
กระทรวงอุตสาหกรรม. พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมการทำงาน พ.ศ. 2554. [สืบค้นเมื่อ 31 ตุลาคม 2560]. เข้าถึงได้จาก http://www.labour.go.th/th/doc/law/safety-statute-2554.pdf
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2018 รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับ WESR ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน WESR ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงบทความนั้น ๆ