การระบาดของโรคหัดในนักเรียนทหารค่ายทหารแห่งหนึ่ง กรุงเทพมหานคร เดือนกุมภาพันธ์–มีนาคม 2562

ผู้แต่ง

  • ณรงฤทธิ์ กิตติกวิน ศูนย์บริการสาธารณสุข 52 สามเสนนอก สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร
  • ภัคจิรา เกตุสถิตย์ ศูนย์บริการสาธารณสุข 52 สามเสนนอก สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร

คำสำคัญ:

การระบาด, โรคหัด, ค่ายทหาร, ปัจจัยเสี่ยง

บทคัดย่อ

ความเป็นมา: เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 กองควบคุมโรคติดต่อ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ได้รับแจ้งจากศูนย์บริการสาธารณสุข 60 รสสุคนธ์ มโนชญา สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร พบผู้ป่วยสงสัยโรคหัด 5 ราย และผู้ป่วยไข้ออกผื่นหลายราย ทีมสอบสวนโรค กองควบคุมโรคติดต่อ ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุขดังกล่าว ดำเนินการสอบสวนควบคุมการระบาดและติดตามเฝ้าระวังโรค ระหว่างวันที่ 21 กุมภาพันธ์–2 เมษายน 2562 เพื่อยืนยันการวินิจฉัยการระบาดของโรค ประเมินสถานการณ์และลักษณะการกระจายของโรค ค้นหาปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรค และดําเนินมาตรการควบคุมป้องกันที่เหมาะสม
วิธีการศึกษา: ทำการศึกษาระบาดวิทยาเชิงพรรณนาและเชิงวิเคราะห์แบบ Unmatched case-control study เก็บข้อมูลจำนวน 215 คน (ป่วย 43 คน ไม่ป่วย 172 คน) ใช้แบบสอบถามที่สร้างขึ้น ตรวจหาภูมิคุ้มกันชนิด IgM ต่อเชื้อโรคหัดด้วยวิธี ELISA และตรวจหาเชื้อด้วยวิธี PCR วิเคราะห์ข้อมูลสถิติเชิงพรรณนา หาค่า Odds Ratio, 95%CI และ Multiple logistic regression analysis
ผลการศึกษา: พบการระบาดแบบแหล่งโรคแพร่กระจายของโรคหัด ในนักเรียนทหารค่ายทหารแห่งหนึ่ง กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 9 กุมภาพันธ์–19 มีนาคม 2562 พบผู้ป่วยตามนิยาม 43 ราย อัตราป่วย 61.43 ต่อประชากรพันคน ผู้ป่วยยืนยัน 32 ราย (ร้อยละ 74.42) ผู้ป่วยเข้าข่าย 11 ราย (ร้อยละ 25.58) อายุมัธยฐาน 19 ปี (พิสัย 18-25 ปี) มีอาการแทรกซ้อนท้องเสีย 1 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต ปัจจัยเสี่ยงที่สําคัญ คือ อาบน้ำที่โรงอาบน้ำเดียวกันกับผู้ป่วย (ORAdj = 4.67, 95% CI 1.51-14.45) นอนห้องเดียวกันกับผู้ป่วย (ORAdj 3.03, 95% CI 1.31-7.06) ปัจจัยป้องกันที่สำคัญ คือ การล้างมือก่อนการรับประทานอาหารทุกครั้ง (ORAdj 0.26, 95% CI 0.12-0.54)
สรุปและวิจารณ์ผล: การสอบสวนโรคครั้งนี้ยืนยันการระบาดของ โรคหัด Genotype D8 โดยปัจจัยเสี่ยงที่มีนัยสำคัญ คือ การ อาบน้ำที่โรงอาบน้ำเดียวกันกับผู้ป่วย และนอนห้องเดียวกันกับผู้ป่วย มาตรการควบคุมป้องกันโรค คือ การให้สุขศึกษาแก่นักเรียน และเจ้าหน้าที่โรงเรียนแห่งนี้ โดยเน้นให้ความรู้การป้องกันการติดเชื้อ การแยกผู้ป่วย การฉีดวัคซีน MMR รวมทั้งจัดระบบการเฝ้าระวังโรคหัด ทำให้การระบาดของโรคหัดในโรงเรียนแห่งนี้สงบลง คำแนะนำในการปรับสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันโรค คือ การปรับปรุง สถานที่อาบน้ำ การตรวจสอบระดับคลอรีนในน้ำใช้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และการดูแลความสะอาดเรือนนอน

References

ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก. ระบาดวิทยา และการจำแนกสายพันธุ์ระดับโมเลกุลของเชื้อ Measles Virus ในผู้ป่วยโรคหัด ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2561.

กลุ่มงานระบาดวิทยา กองควบคุมโรคติดต่อ. รายงานสถานการณ์ โรคหัดในกรุงเทพมหานคร ประจำเดือนพฤษภาคม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562–31 พฤษภาคม 2562. กรุงเทพฯ: กองควบคุม โรคติดต่อ สํานักอนามัย; 2562.

สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา, วงษ์กลาง กุดวงษา, สุรสิทธิ์ ศรีวิรัตน์, เอมอร สุทธิสา, ชยานนท์ สุคุณา. การระบาดของโรคหัดใน ผู้ ต้องขังชาย เรือนจําแห่งหนึ่ง จังหวัดมหาสารคาม เดือน มีนาคม–มิถุนายน 2556. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา ประจําสัปดาห์. 2557; 45: 753-60.

สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค. แนวทางการเฝ้าระวัง ควบคุมโรค การตรวจรักษาและส่งตัวอย่างตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อการกำจัดโรคหัดตามโครงการกำจัดโรคหัด ตาม พันธะสัญญานานาชาติ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2555.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2024-04-27

How to Cite

กิตติกวิน ณ., & เกตุสถิตย์ ภ. (2024). การระบาดของโรคหัดในนักเรียนทหารค่ายทหารแห่งหนึ่ง กรุงเทพมหานคร เดือนกุมภาพันธ์–มีนาคม 2562. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์, 50(33), 489–495. สืบค้น จาก https://he05.tci-thaijo.org/index.php/WESR/article/view/1495