การประเมินระบบเฝ้าระวังโรคเลปโตสไปโรสิส จังหวัดตรัง วันที่ 1 มกราคม–30 กันยายน 2560
คำสำคัญ:
โรคเลปโตสไปโรสิส, การประเมินระบบเฝ้าระวัง, จังหวัดตรังบทคัดย่อ
บทนำ: โรคเลปโตสไปโรสิสเป็นโรคติดเชื้อที่สำคัญของจังหวัดตรัง สถานการณ์โรคเลปโตสไปโรสิส ปี พ.ศ. 2557–2560 (จาก รง. 506) พบอัตราป่วยและอัตราตายมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะต้นปี พ.ศ. 2560 เกิดน้ำท่วมรุนแรงจึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการระบาดของโรคเลปโตสไปโรสิส การรายงานโรคเพื่อการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทีมผู้ศึกษา จึงทำการประเมินระบบเฝ้าระวังโรคเลปโตสไปโรสิส จังหวัดตรัง วัตถุประสงค์เพื่อทราบขั้นตอนการรายงานโรค คุณลักษณะเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพของระบบเฝ้าระวัง และให้ข้อเสนอแนะสำหรับระบบเฝ้าระวังโรคเลปโตสไปโรสิส
วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาแบบภาคตัดขวาง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–30 กันยายน 2560 กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ป่วยที่เข้ารับ รักษาในโรงพยาบาลทั้ง 10 แห่งของจังหวัดตรัง ที่ได้รับการวินิจฉัย เป็นโรคเลปโตสไปโรสิส คือ รหัส ICD-10: A27, A270, A278 และ A279 และโรค/อาการที่คล้ายกับโรคเลปโตสไปโรสิส คือ รหัส ICD- 10: A01, A24, A75, A90, A91, B15–B19, B50–B54, G00, J09–J11 และ R50.9 โดยคัดเลือกเวชระเบียนจำนวน 507 เวชระเบียนตามขนาดกลุ่มตัวอย่างที่คํานวณได้ เพื่อนำมาทบทวนโดยกำหนดจำนวนเวชระเบียนกระจายไปในแต่ละโรงพยาบาล ‘ตาม สัดส่วน’ จำนวนเวชระเบียนของแต่ละโรงพยาบาลที่มี ICD-10 ตามที่ระบุ นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์หาคุณลักษณะเชิงปริมาณของระบบการรายงานโรค ส่วนคุณลักษณะเชิงคุณภาพใช้การสัมภาษณ์บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับระบบเฝ้าระวัง 46 คน
ผลการศึกษาและสรุป: ผลการทบทวนเวชระเบียนพบผู้ป่วยตาม นิยามการเฝ้าระวังโรคเลปโตสไปโรสิส 291 ราย ได้รับการรายงานในระบบ รง. 506 จำนวน 60 ราย คิดเป็นค่าความไวร้อยละ 20.6 ส่วนผู้ป่วยในระบบ รง. 506 พบ 63 ราย พบผู้ป่วยที่เข้าได้ตามนิยามการเฝ้าระวังโรคฯ 60 ราย คิดเป็นค่าพยากรณ์บวกร้อยละ 95.2 พบทุกตัวแปรมีความครบถ้วน ร้อยละ 100 ส่วนความถูกต้อง พบ 2 ตัวแปรอยู่ในเกณฑ์ต่ำ คือ ‘ประเภทผู้ป่วย’ ร้อยละ 75 และ ‘วันที่เริ่มป่วย’ ร้อยละ 36 ด้านความทันเวลาของการรายงานโรค คิดเป็นร้อยละ 85.7 และด้านความเป็นตัวแทนพบว่าตัวแปร ‘เพศ’ และ ‘อายุ’ สามารถเป็นตัวแทนประชากรได้สำหรับคุณลักษณะเชิงคุณภาพพบขั้นตอนการรายงานโรคมีความง่ายและไม่ซับซ้อน ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานต่างให้ความสำคัญกับการรายงานโรคหน่วยงานมีระบบทดแทนกําลังคนเมื่อบุคลากรประจำหยุดงานหรือ ตำแหน่งงานนั้น ๆ ว่างลงมีระบบสำรองข้อมูลเพื่อป้องกันข้อมูลสารสนเทศสูญหายเมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤตต่าง ๆ มีการจัดงบประมาณรองรับระบบรายงานโรคอย่างเพียงพอ มีการปรับปรุงกระบวนงานภายในให้มีประสิทธิภาพ ส่วนการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ยังพบข้อจำกัด โดยเฉพาะการตรวจจับการระบาด การออกรายงาน และการคืนข้อมูลให้กับบุคลากรด้านคลินิก
ข้อเสนอแนะ: ในระดับจังหวัดควรมีระบบตรวจสอบและกำกับ ติดตามคุณภาพในการรายงานโรคอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การรายงานโรคมีความครอบคลุม ครบถ้วน และถูกต้องมากยิ่งขึ้น
References
สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. Factsheet เลปโตสไปโรสิส (ออนไลน์). 2560 [เข้าถึงเมื่อ 25 ตุ ลาคม 2560]. เข้าถึงได้จาก http://www.boe.moph.go.th/fact/Leptospirosis.htm
หทัยทิพย์ จุทอง, อารีย์ ตาหมาด, วิทวัส อินเสียน, กษมา เทวินทร ภักติ. รายงานการประเมินระบบเฝ้าระวังโรคเลปโตสไปโรซีส จังหวัดพัทลุง พ.ศ. 2555. 20 หน้า. (เอกสารอัดสำเนา)
สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. นิยามโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหา- นคร: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุครุภัณฑ์ (ร.ส.พ.); 2546. หน้า 136-7.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2019 รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับ WESR ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน WESR ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงบทความนั้น ๆ