การสอบสวนการระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 8–17 สิงหาคม 2561
คำสำคัญ:
การระบาด, ไข้หวัดใหญ่, เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ, มหาวิทยาลัย, นครราชสีมาบทคัดย่อ
ความเป็นมา: เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2561 กองระบาดวิทยาได้รับแจ้งว่า พบนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอในจังหวัดนครราชสีมา ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่หลายราย ซึ่งร่วมกิจกรรมรับน้องของ มหาวิทยาลัย ทีมสอบสวนโรคได้ลงพื้นที่เพื่อสอบสวนและควบคุมโรค เพื่อยืนยันการระบาดและการวินิจฉัยโรค พรรณนาลักษณะ การระบาดของโรค ค้นหาปัจจัยเสี่ยงของการระบาด และเสนอแนะแนวทางในการป้องกันและควบคุมโรค
วิธีการศึกษา: ทบทวนเวชระเบียน สัมภาษณ์ผู้ป่วยและผู้ดูแลหอพัก ค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม โดยกำหนดนิยามดังนี้ ผู้ป่วยสงสัย หมายถึง นักศึกษาหรือบุคลากรของมหาวิทยาลัยเอ ที่มีอาการไข้และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ร่วมกับมีอาการอีกอย่างน้อย 1 อย่าง ได้แก่ ปวด ศีรษะ ไอ เจ็บคอ อ่อนเพลีย คัดจมูก หรือเยื่อบุตาอักเสบ ระหว่าง วันที่ 15 กรกฎาคม–17 สิงหาคม 2561 ผู้ป่วยเข้าข่าย หมายถึง ผู้ป่วยสงสัยที่มีผลการตรวจ Nasopharyngeal swab ให้ผลบวกจากชุดทดสอบ Rapid influenza diagnostic test ผู้ป่วยยืนยัน หมายถึง ผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยเข้าข่ายที่มีผลการตรวจยืนยันทาง ห้องปฏิบัติการ โดยทำการเก็บตัวอย่างด้วยวิธี Nasopharyngeal swab เพื่อตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ด้วย เทคนิค Reverse transcription polymerase chain reaction ศึกษาระบาดวิทยาเชิงวิเคราะห์ โดยมีรูปแบบการศึกษาแบบ Case–control study (1:2) โดยกลุ่มผู้ป่วย คือ ผู้ป่วยเข้าข่ายและผู้ป่วยยืนยันที่เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 จากการศึกษาระบาดวิทยา เชิงพรรณนา และกลุ่มควบคุม คือ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่ไม่มีอาการ ใด ๆ ตามนิยามผู้ป่วยจากการศึกษาเชิงพรรณนา และวิเคราะห์ด้วยวิธี Multiple logistic regression รวมทั้งทำการสำรวจ สิ่งแวดล้อมในหอพักและสุขอนามัยส่วนบุคคล
ผลการศึกษ: พบผู้ที่มีอาการเข้าได้กับนิยามทั้งหมด 169 ราย โดยเป็นผู้ป่วยยืนยันร้อยละ 6.51 ผู้ป่วยเข้าข่ายร้อยละ 28.99 และ ผู้ป่วยสงสัยร้อยละ 64.50 ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 อัตรา ป่วยจำเพาะของชั้นปีที่ 1 เท่ากับร้อยละ 4.68 ไม่มีรายใดมีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต ได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ 15 ตัวอย่าง พบว่าให้ผลบวกต่อเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ 13 ตัวอย่าง แบ่งเป็นสายพันธุ์ H1N1/2009 8 ตัวอย่าง สายพันธุ์ H3N2 4 ตัวอย่าง และพบทั้งสองสายพันธุ์ 1 ตัวอย่าง ในการศึกษาทางระบาดวิทยาเชิงวิเคราะห์ มีกลุ่มผู้ป่วย 71 ราย และกลุ่มควบคุม 155 ราย พบว่าการมีเพื่อนร่วมห้องในหอพักป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ สัมพันธ์กับการเป็นโรคไข้หวัดใหญ่อย่างมีนัยสำคัญ (Adjusted OR = 2.93, 95% CI = 1.08–7.94)
สรุปและข้อเสนอแนะ: พบการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (H1N1/2009 และ H3N2) ซึ่งเป็นช่วงเปิดภาคเรียนใหม่และมีกิจกรรมรับน้อง โดยพบนักศึกษาที่มีอาการป่วยเข้าได้กับนิยาม จำนวน 169 ราย คิดเป็นอัตราป่วยอย่างหยาบร้อยละ 1.69 และ พบว่าปัจจัยเสี่ยงของการเป็นไข้หวัดใหญ่ คือ การมีเพื่อนร่วมห้องในหอพักเป็นไข้หวัดใหญ่ การคัดกรองโรคตั้งแต่แรกเริ่มการปรับปรุงสุขอนามัยส่วนบุคคล เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติเพื่อป้องกันการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่
References
Bernard R. Fundamentals of biostatistics. 5th ed. California: Duxbury press; 1999. P 384–5.
Fleiss JL, Levin B, Paik MC. Statistical methods for rates and proportions 3rd ed. New Jersey: John Wiley&Sons, Inc.; 2003. P 76.
Ngamjarus C, Chongsuvivatwong V. n4Studies: Sample size and power calculations for iOS. The Royal Golden Jubilee Ph.D. Program–The Thailand Research Fund&Prince of Songkla University. 2014.
Namwong T, Wisitphachonchai P, Khampat S, Viriyapan S, Theangthonglang P, Wongwien K, et al. An outbreak investigation of Influenza B in high school A, Yasothon. Wkly Epidemiol Surveill Rep. 2016;47(50):785–91.
Department of Disease Control, Ministry of Public Health, Thailand. Event–based surveillance [Internet]. 2017 [cited 2018 Nov 18]. Available from: https://ereports.boe.moph.go.th/eventbase/calendar/zone99/
Division of Scientific Education and Professional Development. An Introduction to Applied Epidemiology and Biostatistics [Internet]. 2012 [cited 2018 Nov 1]. Available from: https://www.cdc.gov/ophss/csels/dse pd/ss1978/lesson1/section11.html
Lynch C, Cumming JG. The Distribution of Influenza by Direct Contact–Hands and Eating Utensils. Am J Public Health (NY). 1919;9(1):25–38.
CDC.National Center for Immunization and Respiratory Diseases. How Flu Spreads [Internet]. 2018 [cited 2018 Nov 1]. Available from: https://www.cdc.gov/flu/about /disease/spread.htm
Osterholm MT, Kelley NS, Sommer A, Belongia EA. Efficacy and effectiveness of influenza vaccines: a systematic review and meta–analysis. Lancet Infect Dis. 2012 Jan;12(1):36–44.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2020 รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับ WESR ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน WESR ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงบทความนั้น ๆ