การประเมินระบบเฝ้าระวังโรคคางทูม โรงพยาบาลไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2556–2561

ผู้แต่ง

  • บดินทร์ จักรแก้ว โรงพยาบาลหางดง จังหวัดเชียงใหม่
  • กิตติคุณ คชรักษ์ โรงพยาบาลไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่

คำสำคัญ:

โรคคางทูม, ประเมินระบบเฝ้าระวัง, ไชยปราการ, เชียงใหม่

บทคัดย่อ

ความเป็นมา: โรคคางทูม เป็นโรคติดต่อที่อยู่ในกลุ่มโรคที่ต้องเฝ้าระวัง สถานการณ์ของโรคคางทูมจังหวัดเชียงใหม่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มลดลง แต่ในปี พ.ศ. 2561 จังหวัดเชียงใหม่ มีอัตราป่วยเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ (7.81 ต่อแสนประชาการ) และอำเภอไชยปราการ มีอัตราป่วยสูงสุดในจังหวัดเชียงใหม่ คือ 76.26 ต่อแสนประชากร การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาขั้นตอน การรายงานเฝ้าระวังโรคของอำเภอไชยปราการ และคุณลักษณะทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพของระบบการรายงาน เพื่อนำผลที่ได้ไปปรับปรุงระบบเฝ้าระวังโรคคางทูม
วิธีการศึกษา: เป็นการประเมินระบบเฝ้าระวังแบบย้อนหลังศึกษาทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยการทบทวนเวชระเบียนของผู้ป่วยที่มารับบริการรักษาที่โรงพยาบาลไชยปราการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556–31 ธันวาคม 2561 ที่เข้าเกณฑ์ตามนิยามโรคคางทูม เปรียบเทียบกับข้อมูลของผู้ป่วยในระบบรายงานเฝ้าระวังโรค 506 ในช่วงเวลาเดียวกัน และเข้าเกณฑ์นิยามโรคคางทูม
ผลการศึกษา: ความไวของการรายงานอยู่ในระดับพอใช้ (ร้อยละ 54.16) เนื่องจากระบบรายงานใช้การตรวจจับจากการวินิจฉัยโรค ไม่ได้ใช้การตรวจจับจากนิยามการเฝ้าระวังโรค และค่าพยากรณ์ ผลบวกอยู่ในระดับดี (ร้อยละ 100.00) ข้อมูลสามารถเป็นตัวแทนของผู้ป่วยจริงได้ เนื่องจากตัวแปร อายุ อัตราป่วยจำแนกรายเดือน อัตราป่วยจำแนกตามพื้นที่ มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน คุณภาพ ของข้อมูล อยู่ในระดับดี ความทันเวลาอยู่ในระดับพอใช้ (69.39%) เนื่องจากผู้ปฏิบัติงานรวบรวมข้อมูลรายงาน 506 ในสำนักงานสาธารณสุขอำเภอมีคนเดียวและภาระงานมาก ในส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพ พบว่าอำเภอไชยปราการมีแนวทางในการดำเนินงานอยืาง เป็นระบบทำให้เกิดความง่าย และความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การยอมรับและตระหนักว่าโรคคางทูมเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง มีการใช้ประโยชน์จากระบบเฝ้าระวังโรคโดยมี การนำข้อมูลไปวิเคราะห์และใช้ในการดำเนินการควบคุมป้องกันโรค และมีการเผยแพร่ขณะเกิดการระบาดให้สู่ชุมชน
สรุปและวิจารณ์: ควรจัดฟื้นฟูองค์ความรู้และทบทวนแนวทางการปฏิบัติเพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลถูกต้องและครบถ้วน ในโรงพยาบาลควรมีการปรับปรุงแนวทางในการเฝ้าระวังโรคคางทูมใหม่และมีการซักซ้อม โดยใช้การรายงานตั้งแต่พบผู้ป่วยที่มีอาการเข้านิยามผู้ป่วยสงสัย การกำหนดระยะเวลาให้ครอบคลุมในการออกสอบสวนโรค การกำหนดเกณฑ์การออกสอบสวนโรคที่ถูกต้อง และขยายผลไปใช้กับโรคอื่น ๆ ที่มีความสำคัญ ควรมีการกำหนดระยะเวลาในการลงสอบสวนและ กระตุ้นให้พื้นที่ทำรายงานสอบสวนโรคกรณีเกิดผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน ควรให้มีการสรุป วิเคราะห์ ข้อมูลทางระบาดวิทยาและรายงานต่อ ผู้ บริหาร และเผยแพร่สู่ผู้ที่เกี่ยวข้องในภาครัฐและชุมชน เป็นประจำควรมีการประเมินระบบเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องและขยายผลไปใช้กับโรคติดต่ออื่น ๆ ที่น่าสนใจ

References

สมเจตน์ ตั้งเจริญศิลป์. ฟื้นฟูความรู้วิชาการ โรคคางทูม (Mumps). รายงานเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์. 2558;7:107–9.

งานระบาดวิทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่. รายงานสถานการณ์โรคสัปดาห์ที่ 44 [อินเทอร์เน็ต]. 2561 [เข้าถึงเมื่อ 1 ธ.ค. 2561]. เข้าถึงได้จาก: http://www.chiangmaihealth.go.th/cmpho_web/all_section.php?search_subject=76

สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค. โรคคางทูม (Mumps). สรุปรายงานเฝ้าระวังโรคประจำปี 2555 [อินเทอร์เน็ต]. 2556 [เข้าถึงเมื่อ 1 ธ.ค. 2561]. เข้าถึงได้จาก: http://www.boe.moph.go.th/Annual/AESR2012/ 4. โรงพยาบาลไชยปราการ. รายงาน 506 โรคคางทูม. รายงานเฝ้า ระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์ที่ 47 อำเภอไชยปราการ 2561. เชียงใหม่: โรงพยาบาลไชยปราการ; 2561.

กัลยา วานิชย์บัญชา. สถิติสำหรับงานวิจัย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ จุ ฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2549. หน้า 74.

สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. นิยามโรคติดเชื้อประเทศไทย 2546. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์; 2546. หน้า 118.

อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ และคณะ. การศึกษาระบบเฝ้าระวัง ไข้เลือดออกในจังหวัดสระแก้ว ระหว่างวันที่ 7–16 กรกฎาคม 2551; ในการประชุมเชิงปฏิบัติการประเมินระบบเฝ้าระวังโรค มือ เท้า ปาก; 5–6 มิถุนายน 2557; โรงแรมริชมอนด์. นนทบุรี: สำนักระบาดวิทยา; 2554:31–42.

เผยแพร่แล้ว

2024-05-01

How to Cite

จักรแก้ว บ., & คชรักษ์ ก. (2024). การประเมินระบบเฝ้าระวังโรคคางทูม โรงพยาบาลไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2556–2561. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์, 51(21), 305–312. สืบค้น จาก https://he05.tci-thaijo.org/index.php/WESR/article/view/1587

ฉบับ

บท

บทความต้นฉบับ