การสอบสวนโรค : กรณีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) จำนวน 3 ราย เดินทางกลับจากประเทศปากีสถาน เดือนมิถุนายน 2563
คำสำคัญ:
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019, โควิด 19, ประเทศ ปากีสถาน, ประเทศปากีสถาน, สถานกักกันของรัฐบทคัดย่อ
ความเป็นมา: ทีมปฏิบัติการสอบสวนโรค กรมควบคุมโรค ได้รับแจ้ง จากทีมตระหนักรู้สถานการณ์ กรมควบคุมโรค ว่าพบผู้ป่วยยืนยันโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) จำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นชาวไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศปากีสถานถึงสนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 6 มิถุนายน 2563 และเข้าพักที่สถานกักกันของรัฐ ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานครจึงสอบสวนโรคโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและการระบาด ทราบการกระจายตัวของโรคตามบุคคล-เวลา-สถานที่ ค้นหาปัจจัยเสี่ยง ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ค้นหาผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเติม และให้ข้อเสนอแนะด้านมาตรการควบคุมโรค
วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาระบาดวิทยาเชิงพรรณนา โดยทบทวนเวชระเบียนผู้ป่วยที่โรงพยาบาล สัมภาษณ์ผู้ป่วย ติดตาม ผู้สัมผัส เสี่ยงสูง ค้นหาผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเติม และศึกษาลักษณะการจัดการของสถานกักกันของรัฐแห่งที่ผู้ป่วยไปเข้ารับการกักตัว
ผลการศึกษา: พบผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด 19 จำนวน 3 ราย จากผู้โดยสารทั้งหมด 24 ราย ที่เดินทางกลับมาจากประเทศปากีสถาน วันที่ 6 มิถุนายน 2563 โดยสายการบินปากีสถาน เที่ยวบิน PK8892 โดยผู้ป่วยสองรายแรกเป็นเพศชาย อายุ 28 ปี เป็นนักศึกษาศาสนาอิสลามที่สถาบันแห่งหนึ่ง ทั้งคู่มีประวัติสัมผัสกับผู้อื่นในที่สาธารณะหลายแห่ง เช่น มัสยิด โรงอาหาร ที่พัก และห้องน้ำ เป็นต้น ทั้งคู่มี ประวัติผลตรวจหาเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 เป็นบวกช่วงต้นเดือน พฤษภาคม 2563 และได้รับการกักตัวจนไม่พบเชื้อก่อนกลับประเทศไทย รายที่สามเป็นเพศหญิงอายุ 35 ปี อาชีพค้าขาย บ้านพักมีสมาชิกในครอบครัว 13 คน และผู้สัมผัสใกล้ชิดมีอาการ ไข้ ปวดเมื่อยตามตัว แต่ไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อ หลังจากตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อ SARS-CoV-2 ในประเทศไทย ผู้ป่วยทั้ง 3 ราย เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนผลการตรวจและอาการทั่วไป ปกติจึงได้กลับบ้าน ส่วนการจัดการของสถานกักกันของรัฐแห่งที่ ผู้ป่วยไปเข้ารับการกักตัวนั้นได้ตามแนวปฏิบัติมาตรฐาน
ข้อเสนอแนะ: 1) ติดตามอาการผู้ป่วยหลังจากกลับบ้าน เน้นย้ำการเว้นระยะห่างทางสังคมและการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล 2) ติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศปากีสถานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการประเมินความเสี่ยงและสอบสวนโรคในอนาคต สำหรับกลุ่มผู้เดินทางกลับมาจากประเทศดังกล่าว
ความเป็นมา: ทีมปฏิบัติการสอบสวนโรค กรมควบคุมโรค ได้รับแจ้ง จากทีมตระหนักรู้สถานการณ์ กรมควบคุมโรค ว่าพบผู้ป่วยยืนยันโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) จำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นชาวไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศปากีสถานถึงสนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 6 มิถุนายน 2563 และเข้าพักที่สถานกักกันของรัฐ ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานครจึงสอบสวนโรคโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและการระบาด ทราบการกระจายตัวของโรคตามบุคคล-เวลา-สถานที่ ค้นหาปัจจัยเสี่ยง ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ค้นหาผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเติม และให้ข้อเสนอแนะด้านมาตรการควบคุมโรค วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาระบาดวิทยาเชิงพรรณนา โดยทบทวนเวชระเบียนผู้ป่วยที่โรงพยาบาล สัมภาษณ์ผู้ป่วย ติดตาม ผู้สัมผัส เสี่ยงสูง ค้นหาผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเติม และศึกษาลักษณะการจัดการของสถานกักกันของรัฐแห่งที่ผู้ป่วยไปเข้ารับการกักตัว ผลการศึกษา: พบผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด 19 จำนวน 3 ราย จากผู้โดยสารทั้งหมด 24 ราย ที่เดินทางกลับมาจากประเทศปากีสถาน วันที่ 6 มิถุนายน 2563 โดยสายการบินปากีสถาน เที่ยวบิน PK8892 โดยผู้ป่วยสองรายแรกเป็นเพศชาย อายุ 28 ปี เป็นนักศึกษาศาสนาอิสลามที่สถาบันแห่งหนึ่ง ทั้งคู่มีประวัติสัมผัสกับผู้อื่นในที่สาธารณะหลายแห่ง เช่น มัสยิด โรงอาหาร ที่พัก และห้องน้ำ เป็นต้น ทั้งคู่มี ประวัติผลตรวจหาเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 เป็นบวกช่วงต้นเดือน พฤษภาคม 2563 และได้รับการกักตัวจนไม่พบเชื้อก่อนกลับประเทศไทย รายที่สามเป็นเพศหญิงอายุ 35 ปี อาชีพค้าขาย บ้านพักมีสมาชิกในครอบครัว 13 คน และผู้สัมผัสใกล้ชิดมีอาการ ไข้ ปวดเมื่อยตามตัว แต่ไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อ หลังจากตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อ SARS-CoV-2 ในประเทศไทย ผู้ป่วยทั้ง 3 ราย เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนผลการตรวจและอาการทั่วไป ปกติจึงได้กลับบ้าน ส่วนการจัดการของสถานกักกันของรัฐแห่งที่ ผู้ป่วยไปเข้ารับการกักตัวนั้นได้ตามแนวปฏิบัติมาตรฐาน ข้อเสนอแนะ: 1) ติดตามอาการผู้ป่วยหลังจากกลับบ้าน เน้นย้ำการเว้นระยะห่างทางสังคมและการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล 2) ติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศปากีสถานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการประเมินความเสี่ยงและสอบสวนโรคในอนาคต สำหรับกลุ่มผู้เดินทางกลับมาจากประเทศดังกล่าว
References
World Health Organization. Novel Coronavirus (2019–nCoV) SITUATION REPORT–1 2 1 JANUARY 2 0 2 0 [Internet]. 2020 [cited 2020 Jun 10]. Available from: https://www.who.int/docs/default–source/coronaviruse/situation–reports/20200121–sitrep–1–2019–ncov.pdf?sfvrsn=20a99c10_4
World Health Organization. Coronavirus disease (COVID-19) Situation Report–133 [Internet]. 2020 [cited 2020 Jun 22]. Available from: https://www.who.int/docs/default–source/coronaviruse/situation–reports/20200601–COVID-19–sitrep–133.pdf?sfvrsn=9a56f2ac_4
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการบริหาร จัดการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) แบบบูรณา การ [อินเตอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 14 มิถุนายน 2563]. เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/g_health_care/G34.pdf
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของ โรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563. ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 137, ตอนพิเศษ 48 ง. หน้า 1 [อินเตอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 29 เมษายน 2563]. เข้าถึงได้จาก: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/048/T0001.PDF
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการเฝ้าระวัง และสอบสวนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ฉบับ 23 มีนาคม 2563 [อินเตอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 1 พฤษภาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/g_srrt/g_srrt_250363.pdf 6. Worldometer. Total Coronavirus Cases in Pakistan [Internet]. 2020 [cited 2020 Aug 18]. Available from: https://www.worldometers.info/coronavirus/country/pakistan/
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2020 รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับ WESR ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน WESR ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงบทความนั้น ๆ