การเฝ้าระวังเชิงรุกโรคไข้ปวดข้อยุงลายในวิทยาลัยพยาบาล สังกัดสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข ปี พ.ศ. 2552
คำสำคัญ:
การเฝ้าระวังเชิงรุก, ไข้ชิคุนกุนยา, พยาบาล, วิทยาลัยพยาบาล, จังหวัดชายแดนภาคใต้บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบสถานการณ์โรคไข้ปวดข้อยุงลายในวิทยาลัยพยาบาลโครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่มเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพยาบาลในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ และเพื่อป้องกันการระบาดของโรคไข้ปวดข้อยุงลายในพื้นที่วิทยาลัยพยาบาล และแพร่ระบาดสู่ชุมชนโดยรอบ โดยดำเนินการออกแบบระบบเฝ้าระวังเชิงรุกเพื่อเก็บข้อมูลนักศึกษาเป็นรายบุคคล ได้แก่ การจัดทำคู่มือแนวทางการเฝ้าระวังและสอบสวนโรคไข้ปวดข้อยุงลายใน สถาบันการศึกษา สังกัดสถาบันพระบรมราชชนก แบบสอบถามประวัตินักศึกษาภาคใต้ รายงานการเดินทางกลับจากพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แบบสรุปข้อมูลรายเดือนการเฝ้าระวังโรคไข้ปวดข้อยุงลายในวิทยาลัยพยาบาล และแบบสอบสวนผู้ป่วยโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม - 30 กันยายน 2552 ได้รับรายงานผู้ป่วยสงสัยโรคไข้ปวดข้อยุงลาย 77 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 26.29 ต่อนักศึกษาพันคน อายุระหว่าง 19 - 35 ปี ค่ามัธยฐานอายุเท่ากับ 22 ปี (IOR = 22, 24 ) ผู้ป่วยสงสัยโรคไข้ปวดข้อยุงลาย 77 ราย มี บันทึกข้อมูลอาการเจ็บป่วย 59 ราย พบว่าผู้ป่วย 29 ราย (ร้อยละ 49.20) มีไข้ร่วมกับปวดข้อและออกผื่น 12 ราย (ร้อยละ 20.30) มีไข้ร่วมกับปวดข้อ 5 ราย (ร้อยละ 8.5) มีไข้ร่วมกับออกผื่น และ 13 ราย (ร้อยละ 22.0) มีไข้ร่วมกับอาการอื่นๆ วิทยาลัยที่ตั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราป่วยสูงสุด คือ 32.76 ต่อนักศึกษาพันคน รองลงมาได้แก่ วิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคกลาง อัตราป่วย 30.73 28.19 และ 19.47 ต่อนักศึกษาพันคน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัด ปัตตานี นราธิวาส ยะลา สงขลา และสตูล คิดเป็นร้อยละ 29.9, 24.7, 12.9 , 11.7 และ 3.9 ตามลำดับ ผู้ป่วยร้อยละ 76.30 เริ่มมีอาการป่วยขณะกลับไปเยี่ยมภูมิลำเนาในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร้อยละ 22.0 ป่วยหลังกลับจากภูมิลำเนาภายใน 7 วัน และ ร้อยละ 1.7 ป่วยหลังกลับจากภูมิลำเนา 11 วัน นอกจากนี้ได้มีการนิเทศ ติดตามการดำเนินงานเฝ้าระวังพบว่า ทุกรายติดเชื้อจากภูมิลำเนาในจังหวัดภาคใต้ ทั้งนี้วิทยาลัยพยาบาลได้ดำเนินการป้องกันควบคุมโรค โดยรณรงค์ให้ความรู้นักศึกษา กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย กักแยกผู้ป่วยสงสัยและให้ผู้ป่วยทายากันยุง ไม่มีรายงานการระบาดต่อเนื่องภายในวิทยาลัยพยาบาลและไม่มีการระบาดออกไปสู่ชุมชน
เอกสารอ้างอิง
พรศักดิ์ อยู่เจริญ, นฤมล ศิลารักษ์, สยาม ศรีสุคนธ์, องอาจ เจริญสุข, ชุมพร ลัภกิตโร. รายงานการสอบสวนโรคไข้ปวดข้อ และออกผื่น อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช. กองระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข: 2538.
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. รายงานการเฝ้าระวังโรคชิคุนกุนยา ระบบรายงาน 506. สำนักระบาดวิทยา: 2552.
วรยา เหลืองอ่อน. องค์ความรู้เรื่องโรคติดต่ออุบัติใหม่: โรคปวด ข้อยุงลาย. สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่, กรมควบคุมโรค: 2555. สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค. แนวทางการเฝ้าระวัง สอบสวนโรคไข้ชิคุนกุนยา: โรคไข้ปวดข้อยุงลาย. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์ 2552; 40: 345-6.
สุชาดา เจียมศิริ และคณะ. การสอบสวนการระบาดของโรคชิคุนกุนยาในนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่ง จังหวัด นนทบุรี เดือนมกราคม 2552. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์ 2010;41:633-7.
สุริยะ คูหะรัตน์,บรรณาธิการ. โรคชิคุนกุนยา. นิยามโรคติดเชื้อประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์; 2546.
สุนทร เหรียญภูมิการกิจ, ลักษณา ไทยเครือ, มานิต คงแป้น, องอาจ เจริญสุข, ดวงสมร บูรณะปิยวงศ์,ยุพเรศร์ คุ้มแสง. รายงานการสอบสวนโรคข้ออกผื่น ปวดข้อ อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย. รายงานการเฝ้าระวังโรคประจำสัปดาห์ 2538; 26: 605-15.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2012 รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ความรับผิดชอบและลิขสิทธิ์
1. ความรับผิดชอบของผู้เขียนและความเห็นของกองบรรณาธิการ (Author Responsibility and Editorial Disagreement)
เนื้อหาและข้อมูลทั้งหมดในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร WESR ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบโดยตรงของผู้นิพนธ์บทความ และกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ ในเนื้อหาดังกล่าว
2. ลิขสิทธิ์และการอ้างอิง (Copyright and Referencing)
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ และอื่น ๆ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร WESR ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดประสงค์จะนำเนื้อหาทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ จะต้องอ้างอิงบทความนั้น ๆ อย่างถูกต้อง

