ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ทัศนคติ กับพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม ในสตรีกลุ่มเสี่ยง ตำบลนาฝาย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ

ผู้แต่ง

  • อณัญญา ลาลุน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ
  • คมเพชร ทากุดเรือ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ
  • ชัญญานุช เทพมหาชัย คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ
  • รุ้งฤดี งิ้วงาม คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ
  • เมฑาวดี อาจปา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ
  • อรัญญา ทวีชาติ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ
  • เพชรลดา บุริวัน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ
  • กิ่งนิภา หิรัญคำ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ

คำสำคัญ:

สตรีกลุ่มเสี่ยง, มะเร็งเต้านม, พฤติกรรมการป้องกันโรค

บทคัดย่อ

บทนำ: มะเร็งเต้านมเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญและมีอัตราการเสียชีวิตสูงในสตรีไทย การมีความรู้ที่ถูกต้องและทัศนคติที่เหมาะสมเกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมในสตรีกลุ่มเสี่ยง ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อพฤติกรรมในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม

วัตถุประสงค์การวิจัย: 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมในสตรีกลุ่มเสี่ยง และ 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมและทัศนคติเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมกับพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมในสตรีกลุ่มเสี่ยง ตำบลนาฝาย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ

ระเบียบวิธีวิจัย: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา กลุ่มตัวอย่างเป็นสตรีกลุ่มเสี่ยง อายุ 30-70 ปี จำนวน 374 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบทดสอบความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม แบบสอบถามทัศนคติเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม และแบบสอบถามพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม ได้ค่าความเที่ยงของเครื่องมือเท่ากับ 0.84, 0.86 และ 0.78 ตามลำดับ เก็บข้อมูลระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2566 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน

ผลการวิจัย: 1) สตรีกลุ่มเสี่ยง มีคะแนนพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมโดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง (M=2.54, SD=0.54) และ 2) ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมในระดับต่ำ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r=0.312, p-value<.001) ส่วนทัศนคติเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม ไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม

สรุปผล: สตรีกลุ่มเสี่ยงมีพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมระดับปานกลาง และความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม ส่วนทัศนคติเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมป้องกันโรคมะเร็งเต้านม

ข้อเสนอแนะ: บุคลากรสาธารณสุขควรมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมให้กับสตรีกลุ่มเสี่ยงโดยการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการในชุมชน หรือใช้สื่อที่มีความหลากหลายเพื่อช่วยเพิ่มพูนความรู้และเสริมสร้างความเข้าใจในวิธีการป้องกันมะเร็งเต้านมได้ดียิ่งขึ้น

ประวัติผู้แต่ง

อณัญญา ลาลุน, คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ

-

เอกสารอ้างอิง

จารุวรรณ ไตรทิพย์สมบัติ. (2562). ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ การรับรู้ด้านสุขภาพ แลพฤติกรรมการป้องกันมะเร็งเต้านมในกลุ่มเสี่ยง. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น, 26(3), 13-24.

ชมภูนุช พบประเสริฐ, เพ็ญศรี กองสัมฤทธิ์ และปัณฑารีย์ หิรัณย์สิริกลุ. (2560). ความเสี่ยงมะเร็งเต้านมความรู้ เจตคติ และการปฏิบัติตนในการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรี : กรณีศึกษาจังหวัดจันทบุรี. วารสาร Mahidol R2R e-Journal, 4(2), 123-126.

ถนอมศรี อินทนนท์ และรุจิรา อ่ำพันธ์. (2566). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีอายุ 30-70 ปี ในเขตบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุภาพตำบลบ้านปรือใหญ่ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ. วารสารวิจัยและพัฒนาสุขภาพศรีสะเกษ, 2(1),113-124.

สำนักงานธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ. (2565). ประชากรทะเบียนราษฎร์ จำแนกรายอายุและเพศ. https://hdc.moph.go.th/center/public/standard-report-detail/f83d0cd8b830706dab4cd3cb09afa584

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์. (2565). ทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล พ.ศ. 2563. https://www.nci.go.th/e_book/hosbased_2563/files/main.pdf

สถิติสุขภาพคนไทย. (2565). โรคมะเร็งเต้านม. https://www.hiso.or.th/thaihealthstat/system/index.php?t=03

สุณัฐชา ขาวเอี่ยม, ธัญญพัทธ์ เผ่ามิตรเจริญ, ณัฐติยา ไกรกิจการ, สุทธิดา แก้วมุงคุณ และนัชชา ยันติ. (2563). ผลของโปรแกรมการให้ความรู้ ทัศนคติและทักษะการตรวจโรคมะเร็งเต้านมด้วยตนเองของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ในตำบลตากฟ้า อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์. งานประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 12 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม วันที่ 9 - 10 กรกฎาคม 2563, 1155-1163.

สุธารัตน์ ชำนาญช่าง, วรรณรัตน์ ลาวัง และอโนชา ทัศนาธนชัย. (2562). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีวัยหมดประจำเดือนที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ในจังหวัดชลบุรี. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 12(3), 104-105.

โสภิต ก่อพูนศิลปะ และทิพาพร พงษ์เมษา. (2560). คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยหญิงมะเร็งเต้านมในช่วงการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดสูตร. วารสารสงขลานครินทร์เวชสาร, 35(4), 373-384.

รังษีนพดล โถทอง, ศุลีพร แสงกระจ่าง, ปรารถนา สถิตวิภาวี, วิศิษฏ์ ฉวีพจน์กําจร, โสภิตตรา สมหารวงค์, ณัฐจาพร พิชัยณรงค์ และศุภชัย ปิติกุลตัง. (2562). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีวัยก่อนหมดประจำเดือน. วารสารโรคมะเร็ง, 39(1), 16-17.

รัศมี โชติแสงสาคร, สุรีพร ธนศิลป์ และนพมาศ พัดทอง. (2562). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการคัดกรองมะเร็งเต้านมในสตรีวัยหมดระดู. วารสารเกื้อการุณย์, 26(2), 107-108.

อภิญญา ก้อเด็ม, ศศิกานต์ นิเฮาะ และจรัญ เจริญมรรค. (2565). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีอายุ 30-70 ปี ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส. วารสารศาสตร์สาธารณสุขและนวัตกรรม, 2(3), 18-34.

Bartz, A. E. (1999). Basics Statistical Concepts (4th ed.). New Jersey: Prentice Hall.

Best, J. W. (1977). Research in education (3rd ed.). Prentice-Hall.

Bloom, B. S. (1964). Taxonomy of educational objectives, Handbook 1: Cognitive Domain. Longman.

Siegel, L. R., Miller, D., Fuchs, E. H., & Jemal, A. (2022). Cancer statistics, 2022. CA CANCER J CLIN, 72, 7-33.

World Health Organization. (2021). Breast cancer. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/breast-cancer

Yamane, T. (1967). Statistics: An Introductory Analysis (2nd ed.). New York: Harper and Row.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

29-04-2025

รูปแบบการอ้างอิง

ลาลุน อ., ทากุดเรือ ค., เทพมหาชัย ช., งิ้วงาม ร., อาจปา เ., ทวีชาติ อ., บุริวัน เ., & หิรัญคำ ก. (2025). ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ทัศนคติ กับพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม ในสตรีกลุ่มเสี่ยง ตำบลนาฝาย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ. วารสารวิชาการพยาบาลและสาธารณสุข (Academic Journal of Nursing and Public Health), 1(1), 60–70. สืบค้น จาก https://he05.tci-thaijo.org/index.php/A_JNP/article/view/4276

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย