การสอบสวนโรคอาหารเป็นพิษโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย
คำสำคัญ:
สอบสวนโรค, อาหารเป็นพิษ, ปัจจัยเสี่ยงบทคัดย่อ
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (SAT) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุ่งเสลี่ยม พบผู้ป่วยสงสัยอาหารเป็นพิษเป็นกลุ่มก้อน ณ โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ตำบลทุ่งเสลี่ยม อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย จึงดำเนินการสอบสวนโรค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษเพิ่มเติม และยืนยันการระบาดของโรคอาหารเป็นพิษ ในโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ปัจจัยเสี่ยงของการระบาดในครั้งนี้ คือ อาหาร รวมถึงสุขาภิบาลอาหารของแม่ครัวโรงเรียน ได้ให้มาตรการและแนวทางระบบเฝ้าระวังโรคอาหารเป็นพิษภายในโรงเรียน โดยเน้นในเรื่องสุขาภิบาล นิยามในการค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม คือ นักเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ตำบลทุ่งเสลี่ยม อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย ที่รับประทานอาหารและน้ำในโรงเรียนระหว่างวันที่ 20 – 21 กุมภาพันธ์ 2568 และมีอาการอย่างน้อย 2 อาการขึ้นไป ดังต่อไปนี้ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเป็นน้ำ ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นมูก ถ่ายเป็นมูกเลือด และมีไข้ ผลการศึกษาพบผู้ป่วยเข้าได้ตามนิยาม 166 ราย (Attack rate = 21.53%)ผลการวิเคราะห์พบว่าอาหารทุกอย่างอาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดระบาดในครั้งนี้ แต่ชนิดอาหาร ที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคในครั้งนี้มากที่สุด คือ การกินข้าวมัน ( OR = 8.71, 95% CI = 5.10-15.00) เนื้อไก่ต้ม (OR = 7.25, 95% CI = 4.28-14.28) และน้ำจิ้มไก่ (OR = 4.55, 95% CI = 3.17-6.53) มีความสัมพันธ์กับการป่วยอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) การเกิดโรคในครั้งนี้เป็นการระบาดแบบแหล่งโรคร่วม (common source) ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้และอาเจียน มีระยะฟักตัวสั้น 1-7 ชั่วโมง มีอาการอาเจียน คลื่นไส้ ปวดท้อง ถ่ายเหลว จากผลการสอบสวนจึงได้ให้สุขศึกษาแก่นักเรียน และให้แนวทางเกี่ยวกับการจัดเก็บ การปรุงอาหารให้ถูกสุขลักษณะ และมาตรการการเฝ้าระวังในการเก็บตัวอย่างอาหารเพื่อนำส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการกับครูอนามัยโรงเรียน
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
หมวดหมู่
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรมสุขภาพลายสือไทย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นสมบัติของวารสารวิจัยและนวัตกรรมสุขภาพลายสือไทยจะนําไปตีพิมพ์อีกไม่ได้
