การพัฒนาสูตรตำรับยา ฟลูโอซิโนโลน อะซิโตไนค์ ป้ายปาก สำหรับผู้ป่วยโรค ไลเคน พลานัส
คำสำคัญ:
ฟลูโอซิโนโลน อะซิโตไนค์, ยาป้ายปาก, ไลเคนพลานัสบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสูตรตำรับยา 0.1% ฟลูโอซิโนโลน อะซิโตไนด์ ป้ายปากที่มีความคงตัว มีประสิทธิผลในการรักษาโรคไลเคนพลานัสในช่องปาก โดยใช้หลักการพัฒนาระบบนำส่งยาแบบยึดติดเยื่อเมือก (Mucoadhesive drug delivery) การวิจัยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1) การศึกษาความพึงพอใจในตำรับยาเบื้องต้นในอาสาสมัครสุขภาพดีจำนวน 10 ราย และ 2) การศึกษาประสิทธิผลโดยผู้ป่วยโรคไลเคสพลานัส ที่เข้ารับการรักษา ณ กลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ในช่วงวันที่ 1 ถึง 31 พฤษภาคม 2568 จำนวน 8 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบบันทึกลักษณะทางกายภาพ และ จุลชีพ ของยาที่พัฒนาโดยกลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลร้อยเอ็ด, แบบสอบถามความ พึงพอใจของอาสาสมัครสุขภาพดีต่อยา ฟลูโอซิโนโลน อะซิโตไนด์ป้ายปาก และแบบเก็บข้อมูลของผู้ป่วยโรคไลเคน พลานัส ข้อมูลที่ได้ถูกนำมาวิเคราะห์ด้วยสถิติพรรณนา (จำนวน, ร้อยละ, ค่าเฉลี่ย, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) และสถิติอนุมาน (Wilcoxon Signed Ranks Test) ผลการศึกษาพบว่าสูตรตำรับที่ 1 ซึ่งยาพื้นประกอบด้วย Sodium carboxymethylcellulose 30%, Pectin 3.3% ,Gelatin 6.6% และ Mineral oil ผสมกับ Polyethylene Glycol 400 ในอัตราส่วน 95:5 60% มีความเหมาะสมทั้งด้านความคงตัว ความพึงพอใจของอาสาสมัคร และ ยาฟลูโอซิโนโลน อะซิโตไนด์ ป้ายปาก ที่ได้พัฒนาขึ้นสามารถลด มัธยฐานความรุนแรงของโรคไลเคน พลานัสในช่องปากจาก 4.50 เหลือ 1.50 และ สามารถลดมัธยฐานความเจ็บปวดของผู้ป่วย จาก 7.00 เหลือ 2.50 ซึ่งเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ข้อเสนอแนะ จากงานวิจัยนี้ คือ ควรนำสูตรตำรับยาที่ได้ไปผลิตใช้จริงในโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น และ ควรศึกษาความพึงพอใจในด้านการใช้งานจริงของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนายาให้ตรงตามความต้องการของผู้ป่วย
เอกสารอ้างอิง
อานันท์ จักรอิศราพงศ์. ไลเคนแพลนัสช่องปากกับภาวะโรคร่วม. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2565;31(4):768–76.
เสาวนีย์ ไม้พานิช, นฤมล พันธุ์ประดิษฐ์, นิษณ์ โอกูม่า. โรคไลเคนแพลนัสในช่องปากในผู้ป่วยโรคเอคโตเดอร์มัลดิสเพลเซียและโรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ยังไม่ทราบชนิด. วารสารทันตแพทยศาสตร์มหิดล. 2561;38:249–65.
วิไลรัตน์ สฤษฎีชัยกุล. การแสดงออกของทูเมอร์เนคโครซิสแฟกเตอร์-แอลฟาในไลเคนพลานัสในช่องปาก [วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2547.
Thongprasom K, Luangjarmekorn L, Sererat T, Taweesap W. Relative efficacy of fluocinolone acetonide compared with triamcinolone acetonide in treatment of oral lichen planus. J Oral Pathol Med.
เปี่ยมกมล วัชโรทยางกูร, ภัทรายุ แต่บรรพกุล, สถาพร นิ่มกุลรัตน์ และ สินีภัทร์ ตรึงจิตร. การเปรียบเทียบผลการรักษารอยโรคไลเคนแพลนัสในช่องปากและปริมาณเชื้อราแคนดิดาในช่องปากเมื่อรักษาด้วยยาฟลูโอซิโนโลน อะเซโตไนด์ 0.1% ชนิดขี้ผึ้งทาในปาก และยาเดกซาเมทาโซน 0.05% รูปแบบน้ำยาบ้วนปาก. วารสารทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 2563;13(1):11–28.
ภัทราวดี ชูแก้วรุ่งโรจน์. การพัฒนาน้ำยาบ้วนปากฟลูโอซิโนโลนอะเซโทไนค์ไมโครอิมัลชัน [วิทยานิพนธ์ปริญญาเภสัชศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2554.
เกศินี เนตรสมบูรณ์. ระบบนำส่งยาทางเยื่อเมือก Mucosal drug delivery system. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2565.
วรางคณา ชิดช่วงชัย, ศิริชัย เกียรติถาวรเจริญ, บรรณาธิการ. คู่มือการใช้ยาอย่างสมเหตุผลตามบัญชียาหลักแห่งชาติ ยาที่ใช้ทางทันตกรรม (Thai National Formulary 2016). กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข; 2559.
Hamishehkar H, Nokhodchi A, Ghanbarzadeh S, Kouhsoltani M, Azarmi S. Triamcinolone acetonide oromucoadhesive paste for treatment of aphthous stomatitis. Adv Pharm Bull. 2015;5(2):277–82.
Derakhshandeh K, Abdollahipour R. Oral mucoadhesive paste of triamcinolone acetonide and zinc sulfate: Preparation and in vitro physicochemical characterization. J Rep Pharm Sci. 2014;3(2):115–25.
อรรถกร รักษาสัตย์. Training of the trainers in palliative care module 2 pain management. พิมพ์ครั้งที่ 1. ขอนแก่น: โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา; 2560.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
หมวดหมู่
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรมสุขภาพลายสือไทย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นสมบัติของวารสารวิจัยและนวัตกรรมสุขภาพลายสือไทยจะนําไปตีพิมพ์อีกไม่ได้
