การประมาณค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) ด้วยระยะทางการมองเห็น (ตาเปล่า) แทนสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ในสองพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่
คำสำคัญ:
ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน, PM10, ระยะทางการมองเห็น, ระดับคุณภาพอากาศ, จังหวัดเชียงใหม่บทคัดย่อ
ความเป็นมา: “หมอกควัน” เป็นปัญหาสำคัญในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงผู้มีภูมิต้านทานต่ำ ปัจจุบันหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ยังไม่มีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ จึงอาศัยการประมาณค่า PM10 จากระยะทางการมองเห็นแทนทีมวิจัยจึงสนใจ ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่า PM10 ที่ประเมินจากระยะทางการมองเห็นกับที่วัดได้จากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ทั้งในอำเภอเมืองและอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ข้อเสนอแนะมาตรการควบคุมโรคต่อไป
วิธีการศึกษา: ทำการศึกษาเชิงพรรณนา โดยเก็บรวบรวมข้อมูลค่า PM10 ที่ประเมินจากระยะทางการมองเห็นและที่วัดจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ในอำเภอเมืองและอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ช่วงวันที่ 1 มีนาคม–31 พฤษภาคม 2560 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการแจกแจงความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบสเปียร์แมน และทดสอบนัยสำคัญ ด้วยสถิติ t-test ที่ระดับนัยสําคัญ 0.01
ผลการศึกษา: จากการประเมินด้วย “ระยะทางการมองเห็น” พบ ค่า PM10 ของตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีค่าสูงที่สุดในเดือนมีนาคม 2560 เท่ากับ 139–351 μg/m3 ส่วนตำบล ช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีค่าสูงที่สุดในเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2560 เท่ากับ 89–138 μg/m3 ในขณะที่ “สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ” พบค่า PM10 เฉลี่ยของตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีค่าสูงที่สุดในเดือนมีนาคม 2560 เท่ากับ 83.40 ± 20.48 μg/m3 ส่วนตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีค่าสูงที่สุดในเดือนเมษายน 2560 เท่ากับ 76.70 ± 35.00 μg/m3 ค่า PM10 ที่วัดได้จากสองวิธีดังกล่าวมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ โดยค่าสัมประสิทธิ์ ความสัมพันธ์แบบสเปียร์แมนของอำเภอเมืองและอำเภอแม่แจ่ม เท่ากับ 0.70 และ 0.86 ตามลำดับ (p = 0.01)
ข้อเสนอแนะ: 1) หลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ควรพิจารณาติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ส่วนพื้นที่ที่ไม่พร้อมสามารถใช้วิธีประเมินระดับคุณภาพอากาศจากระยะทางการมองเห็นแทนกันได้ 2) ในการประเมินระดับคุณภาพอากาศจากระยะทางการมองเห็น ควรคัดเลือกผู้ประเมินที่มีทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ดีและผ่านการคัดกรองโรค และ 3) การประเมินระดับคุณภาพอากาศควร ดำเนินการด้วยความรอบคอบ เนื่องจากส่งผลต่อมาตรการสาธารณสุขที่จะประกาศต่อไป
References
Air and Noise Management, Division Pollution Control Department, Ministry of Natural Resources and Environment. National Agenda Action Plan Solving the dust pollution Problem [internet]. 2019 [cited 2019 Apr 6]; p 5-39. Available from: http://www.pcd.go.th/file/Plan_for_solving_dust_pollution_problems.pdf (in Thai)
Bureau of Occupational and Environmental Diseases, Department of Disease Control, Ministry of Public Health. Surveillance manual The health impact of haze problems for public health personnel 2nd edition [internet]. 2016 [cited 2019 Apr 6]; p 4-5. Available from: https://ddc.moph.go.th/uploads/files/90d5b1273811682e93fe5e68eb9a39ce.pdf (in Thai)
Department of Health and Department of Disease Control Ministry of Public Health. Guidelines for monitoring areas at risk from air pollution. Case for small dust 2nd edition [Internet]. 2015 [cited 2020 Jun 6]; p 6, 28-9. Available from: http://hia.anamai.moph.go.th/download/hia/manual/book/book44.pdf (in Thai)
Bureau of Occupational and Environmental Diseases, Department of Disease Control, Ministry of Public Health. Surveillance manual the health impact of haze problems for public health personnel (Revised 2018). 1st edition. [internet]. Nonthaburi: Graphic and Design Font Publisher; 2018 [cited 2020 Apr 6]. p 1-24. Available from: http://envocc.ddc.moph.go.th/uploads/media/manual/final_ble_0001.pdf (in Thai)
Ministry of Public Health. Medical and Public Health Operations Manual In the case of dust particles less than 2.5 microns (PM2.5) in 2020 1st ed [internet]. 2019 [cited 2020 Jun 6]; p 2. Available from: http://envocc.ddc.moph.go.th/uploads/downloads/do_manual_PM2.5.pdf (in Thai)
Health Impact Assessment Division, Department of Health, Ministry of Public Health. Guidelines for surveillance of risk areas from Air pollution Case for small dust 2nd ed 2015 [Internet]. Printing House, Agricultural Cooperative of Thailand Limited; 2018 [cited 2020 Apr 6]. p 6. Available from: http://hia.anamai.moph.go.th/download/hia/manual/book/book4 4.pdf
Air and Noise Management Division Pollution Control Department. Air quality index data [Internet]. 2020. [cited 2020 Apr 6]. p 1. Available from: http://air4thai. pcd.go.th/webV2/aqi_info.php. (in Thai)
WHO. Air quality guidelines for particulate matter, ozone, nitrogen dioxide and sulfur dioxide Global update 2005 [internet]. 2005 [cited 2020 Apr 6]; P 9. Available from: https://apps.who.int/iris/bitstream/handle/10665/69477/WHO_SDE_PHE_OEH_06.02_eng.pdf;jsessionid=B29BD1E279BFB14F7B6F78C76C71D809?sequence=1
The California Air Resources Board (CARB) and the California Department of Public Health (CDPH). Wildfire Smoke A Guide for Public Health Officials (Revised 2016 May) [internet]. 2016 [cited 2020 Apr 6]; p 36-7. Available from: https://www3.epa.gov/airnow/wildfire_may2016.pdf
Vajanapoom N, Carl M. Shy, Lucas M. Neas, Dana Loomis. Estimation of particulate matter from visibility in Bangkok, Thailand. Journal of Exposure Analysis and Environmental Epidemiology. 2001; 97-102. (in Thai)
Malm W, Schichtel B. Uncertainty Associated with Estimating a Short Term (1-3 HR). Particulate Matter Concentration From a Human-sighted visual range. JFSP Research Project Report. 2013; 80-1.
Zhao H, Che H, Zhang X, Ma Y, Wang Y, Wang H, et.al. Characteristics of visibility and particulate matter (PM) in an urban area of Northeast China. Atmospheric Pollution Research 2013 Oct; 4 (4): 427- 34. doi: 10.5094/APR.2013.049.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2020 รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับ WESR ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน WESR ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงบทความนั้น ๆ
