ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ 3อ 2ส ในกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน ของบุคลากรโรงพยาบาลปทุมธานี
Keywords:
Health literacy, Health behaviors, hospital personnel, diabetes risk groupsAbstract
This descriptive cross–sectional study aimed to study the level of health literacy and health behaviors 3E 2S., factors correlated with health literacy levels and study the relationship between the health literacy and health behaviors 3E 2S and participation in social health activity in 56 diabetes risk personnel of Pathumthani hospital. The samples were randomly selected using lottery method. Data were collected from January to March, 2022. The instrument was the health literacy questionnaire based on the principles of 3E 2S for Thai people with the risk of diabetes/hypertension and aged ³ 15 years developed by the department of supports health services, Ministry of Public Health. Data were analyzed using the percentages, average, standard deviations. The correlations were tested by Chi–square test, Fisher’s exact test and Spearman’s Rho correlation coefficient.
The results showed that the average score of an overall health literacy of samples was 66.36 (S.D. 10.68), representing 51.21% and was in a poor level. Their average score of health behaviors 3E 2S.was 22.55 (S.D. 4.52), representing 56.37% and was in a poor level. Their average score of social activity attendance was 7.59 (S.D. 4.30), representing 37.95% and was in a poor level. The gender, education level and type of personnel were statistically significant correlated with health literacy (p < 0.05). The females had the qualified knowledge levels more than males. The personnel with bachelor’s degree or higher education had the qualified knowledge levels more than those with undergraduate. The civil servants had the qualified knowledge level than those of civil service employees and employees. It was found that the health literacy was significantly associated with health behavior and participation in social health activities in a positive manner (r = 0.397, p < 0.05 และ r = 0.345, p < 0.05).
The results of this study can be used as fundamental information to enhance the health literacy and health behaviors among diabetes risk personnel especially those with inadequate level of health literacy. In order to create the health behavior changes according to 3E 2S principles and reduce the incidence of diabetes in the future.
References
วิชัย เอกพลากร, หทัยชนก พรรคเจริญ และวราภรณ์เสถียรนพเก้า. การสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่6 พ.ศ. 2562–2563. นนทบุรี: สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคดีไซน์; 2564.
กลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลปทุมธานีกระทรวงสาธารณสุข. รายงานผลการตรวจสุขภาพประจำปีของบุคลากรโรงพยาบาลปทุมธานีปีงบประมาณ พ.ศ. 2562–2564. ปทุมธานี: กลุ่มงานอาชีวเวชกรรมโรงพยาบาลปทุมธานี; 2564.
เกศินีสราญฤทธิชัย. ความรอบรู้ด้านสุขภาพ:แนวคิด ทฤษฎีและการประยุกต์ใช้. พิมพ์ครั้งที่2. ขอนแก่น: สาขาวิชาการบริหารสาธารณสุข การส่งเสริมสุขภาพ โภชนาการ คณะสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2564.
Nutbeam D. The evolving concept of health literacy. Soc Sci Med 2008;67(12):2072–8.
Edward M, Wood Davies M, Edward A. Thedevelopment of health literacy in patients with long – term health condition: the health literacy pathway model. BMC Public health 2012;12:130.
World Health Organization. Health Promotion Glossary. Switzerland: genava; 1998.
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. แนะนำวัยทำงานปฏิบัติตามหลัก 3อ 2สลดความเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรัง [อินเทอร์เน็ต].2559 [เข้าถึงเมื่อ 15ธันวาคม 2564]. เข้าถึงได้จาก: http://hss.moph.go.th/show_topic.php?id=1456
วิมลรัตน์บุญเสถียร และวิลาวัลย์อุดมการณ์เกษตร. ความรอบรู้ด้านสุขภาพในผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่2 ที่อาศัยในชุมชนจังหวัดปทุมธานี: ความแตกต่างระหว่างเพศ.ว. พยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยสยาม 2564;22(43): 48–61.
นิภรดา ยาวิราช พงศ์กรพิทยา, กวินทร์ศุภวิทยโยธิน, ศุภวรรณ ทาดี, วริศรา ใจวัน, มาริศา รัศมีจันทร์, อินทิรา ไชยวงศ์และคณะ. ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3อ 2ส ของผู้ป่วยเบาหวาน ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโทกหัวช้าง ตำบลพระบาท อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง [อินเทอร์เน็ต]. 2564 [เข้าถึงเมื่อ 14 เมษายน 2564]. เข้าถึงได้จาก: http://it.nation.ac.th/research/detailproj.php?id=328
ประการ เข้มแข็ง, นันทยา อ่อนคง และ มณีรัตน์วงศ์พุ่ม. การศึกษาเปรียบเทียบความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3อ 2สในกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน/ความดันโลหิตสูง ในเขตเมืองและชนบท จังหวัดอุตรดิตถ์. ว. วิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก 2560;4(1);27–44.
ธัญชนก ขุมทอง, วิราภรณ์โพธิศิริและ ขวัญเมือง แก้วดำเกิง. ปัจจัยที่มีผลต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชากรกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในจังหวัดอุทัยธานีและอ่างทอง.ว. มหาวิทยาลัยศิลปากรสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี2559;3(6):67–85.
อัญชลีตรีลพ. การศึกษาความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ 3อ 2ส กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานโรคความดันโลหิตสูง อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรีสิงห์บุรี[อินเตอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2565]. เข้าถึงได้จาก: https://bit.ly/3wBmo9m
อารีย์แร่ทอง. ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ 3อ 2ส ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กรณีศึกษาตำบลหินตก อำเภอร่อนพิบูลย์จังหวัดนครศรีธรรมราช. ว. วิชาการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 2562;15(3):62–70.
พิทยา ไพบูลย์ศิริ. ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ 3อ 2ส ของผู้บริหารภาครัฐ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. ว. สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย 2561;8(1):97–107.
สุนันทินีศรีประจันทร์. ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ของบุคลากรศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น [อินเตอร์เน็ต]. 2562 [เข้าถึงเมื่อ 14 กุมภาพันธ์2565]. เข้าถึงได้จาก: http://203.157.71.148/hpc7data/Res/ResFile/2562000901.pdf
Intarakamhang U, Kwanchuen Y. The development and application of the ABCDE–health literacy scale for Thais. Asian Biomedicine 2016;10(6):587–594.
ภัทรานิษฐ์เหมาะทอง,วนิดา ทองโคตรและสุพรรณีอึ้งปัญสัตวงศ์. การกำหนดขนาดตัวอย่างโดยใช้สูตร Yamane (Determining the sample size by the Yamane’s formula) [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 14 กุมภาพันธ์2565]. เข้าถึงได้จาก: http://sc2.kku.ac.th/stat/statweb/images/Eventpic/60/Seminar/01_9_
Yamane.pdf
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. การเสริมสร้างและประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ กลุ่มเด็กวัยเรียน กลุ่มวัยทำ. กรุงเทพฯ: นิวธรรมดาการพิมพ์; 2559.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
บทความที่ตีพิมพ์ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารโรงพยาบาลสกลนคร การคัดลอกเพื่อพัฒนาเชิงวิชาการต้องได้รับการอ้างอิงอย่างถูกต้อง